Archives

5

ชีวิตนี้... ยังมีทิศตะวันออก

9Professionaltrader วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553
handling-failures
บ่อยครั้งที่ชีวิตผิดพลาด.. ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่เรามักจะเอาสมาธิไปจดจ่อยู่กับความผิดพลาดนั้น ซ้ำเติมตัวเองให้ทุกข์ ให้เสียใจ และพยายามจะสร้างคำถามเพื่อค้นหาคำตอบให้ตัวเองอยู่เสมอ
     ทั้งๆที่เราก็รู้ว่าคำตอบที่สร้างขึ้นมานั้นมัน”ไม่ใช่ความจริง”ที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากความเสียใจนั้นได้เลย เราจึงยอมติดกับดัก ความเสียใจอย่างถอนตัวไม่ขึ้นและกลายเป็นทาสของมันอย่างรู้ตัว รู้ว่าเสียใจแต่ก็ไม่ทำให้อะไรมันดีขึ้นมา และเราก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้ แต่ทำไมเรายังเป็นทุกข์ กับการเลือกที่จะเสียใจและทำชีวิตให้มันแย่ลงกว่าเดิมทุกวัน
      ทั้งๆที่รู้่ว่ารสชาติของมันสุดแสนจะขมขื่นมากมายเพียงใดเพราะ “เราเริ่มต้นใหม่ไม่เป็น” เราเลยยังทุกข์ระทมไปกับความผิดพลาดของชีวิตสิ้นสุดแล้วแต่ก็เริ่มต้นใหม่ไม่ได้ … ไปไม่เป็น… เหมือนจะมองเห็นทางแต่ก็เลือกที่จะปิดหูปิดตาและไม่พยายามจะเปิดใจ เราจึงต้องอยู่กับความเศร้าเสียใจอยู่ทุกคืนทุกวัน ตอกย้ำความผิดพลาดให้ตัวเองอยู่อย่างนั้น
sunfower      ลองมองดูวิถีดอกทานตะวันบ้างสิ ชีวิตมีแต่ความเบิกบาน เพราะรู้จักที่จะใช้ชีวิตไปพร้อมๆกับแสงตะวัน แสงสว่างที่ส่องนำทางให้ชีวิตทุกชีวิต ยังคงมีชีวิต แม้ยามที่ดอกทานตะวันร่วงโรย ก็ยังคงทิ้งเมล็ดพันธ์ให้เจริญเติบโตงอกงามและรับแสงตะวันได้ใหม่อีกครั้ง
       เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ปิดตัวเอง แล้วจมอยู่กับความคิดที่ว่า ชีวิตต้องเริ่มต้นใหม่ไม่ได้ อย่าทำร้ายตัวเองด้วยความเศร้าเสียใจแล้วปล่อยให้ชีวิตมันไหลไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีคุณค่าและไร้จุดหมาย
        จงใช้ชีวิตให้เป็นดังเช่นดอกทานตะวันแม้ยามผิดพลาด เสียใจก็จะมีทางออกของชีวิตก็จะมีทางออกของชีวิตเสมอ อับจนหนทางอย่างไร แสงสว่างจากดวงตะวันก็จะคอยส่องทางให้เราได้พบเจอทางออก
       “ชีวิตเราจึงมาทางออก ตราบใดที่บนโลกใบนี้ยังมีทิศตะวันออก”
แม้ว่าชีวิตจะยังมืดมนจะยังคงจมอยู่กับความผิดพลาดเศร้าใจ ก็จงเศร้าให้ถึงที่สุด เสียใจก็จงเสียใจให้พอหากยังร้องให้ขอให้ระบายน้ำตาออกมา อย่ากักเก็บมันไว้ เมื่อเราเสียใจอย่างถึงที่สุดแล้ว เราต้องกล้าลุกขึีนมาปฏิวัตตัวเองและพร้อมที่จะเป็นคนใหม่ ที่ใช้บทเรียนจากอดิต เป็นเหมือนเข็มทิศ คอยช่วยบอกทางแห่งชีวิตเพราะ…
“ความเศร้านั้นมีข้อดีข้อเสียในตัวมันเอง ข้อเสียคือทำให้เราโศกา อาดูร แต่ข้อดีของมันคือสอนให้เรารู้ว่า เราจะไม่ผิดพลาดตรงนี้อีก เราจะต้องไม่ร้องให้กับมันอีก
      ใครบางคนเคยบอกเอาไว้ตอนที่เสียใจกับความผิดพลาดของชีวิตเพราะฉะนั้นแล้วเกิดเป็นคนมีความรู้สึกรู้สาเหมือนกันหมด สามารถเศร้าเสียใจกับอดีตที่ผิดพลาดได้เหมือนกันหมด และก็เริ่มต้นใหม่เหมือนกันหมดได้เช่นเดียวกัน
bird           ขอเพียงกล้าที่จะเป็นนกปีกหักที่พร้อมจะรักษาตัวเองและออกเดินทางได้ โดยไม่กลัวว่าหนทางข้างหน้าจะผิดพลาดซ้ำสอง อย่าลืมนะว่า .. เรามีโอกาสผิดพลาดได้บ่อยครั้งเท่าไหร่ เราก็เดินถูกทางมากขึ้นเท่านั้น

    ผมเองก็ผิดพลาดกับ Forex มาหลายครั้ง ท้อนะบางครั้ง  แต่ก็ไม่เคยถอย พักแปบนึง แล้วลุกขึ้นสู้ใหม่



        9professionaltrader ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับเทรดเดอร์ทุกคนประสบความสำเร็จกับฟอเร็กซ์ ผมรู้นะว่ามันยาก แต่ถ้าเราผิดพลาด และแก้ไขข้อผิดพลาดทีเกิดขึ้น เราก็สามารถเดินไปข้างหน้าได้และประสบความสำเร็จกับ Forex ได้ในที่สุด
ขอขอบคุณบทความนี้จาก nana นะครับ
Read More>>
2

กองทุนโจรสลัด (Hedge Funds)

9Professionaltrader
      กองทุนโจรสลัด (Hedge Funds)
   สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้มีโอกาสได้อ่านเกี่ยวกับ Hedge Funds ซึ่งเป็นเนื้อหาที่น่าสนใจ ก็เลยเอามาเขียนให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ จากหนังสือ "วิธีเก็งกำไรการเงินโลก"    
      กองทุนโจรสลัดหรือที่เรียกกันว่า Hedge Funds มีบทบาทในการสร้างความปั่นป่วนให้กับระบบการเงินโลกหลายครั้งหลายคราเช่นในปี 1992 อัตราแลกเปลี่ยนของหลายๆประเทศในโลกอุตสาหกรรม ต่างผันผวนไปตามๆกัน เพราะการโจมตีของกองทุนโจรสลัดในปี 1994 ตลาดตราสารหนี้ทั้งโลกปั่นป่วนด้วยเหตผลเดียวกันรวมทั้งวิกฤติต้มยำกุุ้งในเอเชียตะวันออกเฉียงไต้ในปี 1997 ด้วย
  


กองทุนโจรสลัดหรือที่เรียกกันว่า Hedge Funds มีหน้าตาอย่างไร ?
      กองทุนโจรสลัดคือการลงทุนร่วมกันในลักษณะของหุ้นส่วน โดยมีผู้จัดการหรือนิติบุคคลเป็นผู้บริการกองทุน เงื่อนไขของการตั้งกองทุนในลักษณะนี้ตามกฎหมายตลาดหลักทรัพย์อเมริกาคือ ห้ามมีหุ้นส่วนเกิน 99 ราย และ 65 รายต้องมีทรัพย์สินสุทธิที่มีใบรับรองไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญ ดอลล่าสหรัฐ การกำหนดหุ้นส่วนในแต่ละกองทุน ไว้ไม่เกิน 99 ราย ก็เพื่อหลักเลี่ยงการควบคุมของกฎหมายของตลาดหลักทรัพย์ที่เขียนไว้ป้องกันสาธารณชน (Public) ถูกกองทุนเหล่านี้หลอกลวง ลงทุนอย่างสุ่มเสี่ยงและกรณีนี้ถ้ามีการชักชวนให้บุคคล 100 รายขึ้นไป ถือว่าเป็นเรื่องสาธารณะซึ่งมีกฎหมายควบคุมอย่างรัดกุม
     ผู้เข้าร่วมลงทุนในกองทุนโจรสลัดจะต้องลงนามสัญญาว่าจะไม่ถอนเงินออกก่อนในเวลา  1 ปี หลังจากนั้นก็อาจจะทยอยถอนทุน หรือ ถอนทุนทั้งหมดได้ในแต่ละไตรมาสของการลงทุนหรือรอบบัญชี 
    ด้วยเหตที่เป็นการลงทุนโดยสมัครใจ ของผู้มีเงินล้นกระเป๋า จึงไม่ถูกควบคุมด้วยกฎหมายใดๆ เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของสาธารณชน
    บริษัทหลักทรัพย์และธนาคารเพื่อการลงทุนใหญ่ๆจะมีบริการให้จัดตั้งและบริหารกองทุนเหล่านี้โดยเรียกค่าตอบแทนประมาณร้อยละ 20 ของรายได้ บวกกับค่าจ้างบริหารอีกต่างหาก
     นายโจส โซรอส ( George Soros) เป็นผู้ทั้งผู้ก่อตั้ง ผู้ลงทุน และผู้บริหารลงทุน มีรายได้ไม่ต่ำกว่าปีล่ะ 1.1 หมื่นล้านเหรียญ ใน จูเลี่ยน โรเบริ์ตสัน ( Julian Robertson) มีรายได้ 300 ล้านเหรียญ นาย สแตนเลย์ ดรัคเคนมิลเลอร์(Stanley  Druckenmiller) 200 ล้านเหรียญ
    ในปี 1992 วิเคราะห์ว่าค่าเงินปอนด์สเตอลิ่งของอังกฤษ มีค่าแข็งเกินจริง( เหมือนเงินบาทไทยในวันนี้) เขาทำสัญญาณยืมเงิน 1 หมื่นล้านปอนด์สเตอลิ่ง ไปซื้อเงินสกุลอื่น ทำให้ธนาคารชาติของอังกฤษ ต้องประกาศขึ้นดอกเบี้ยหลายครั้งและใช้เงินอีก 1.5 หมื่นล้านปอนด์สเตอลิ่ง เพื่อปกป้องค่าเงินปอนด์ไม่ให้อ่อนตัวลง แต่ก็ไม่สามารถรักษาค่าเงินไว้ได้ ทำให้ต้องปล่อยให้ค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลง นายโซรอสได้กำไรไป 2000 ล้านปอนด์สเตอลิ่ง
      ที่น่าสนใจอีกกรณีหนึ่งคือ การที่รัฐบาลอเมริกา เข้ามาอุ้มกองทุนเสี่ยงเก็งกำไรเพื่อไม่ให้ล้มละลายโดยเอาเงินชาวบ้านมาอุ้ม ทั้งๆที่ตามประเพณีของการธุระกิจของอเมริกัน รัฐจะไม่เข้ามาก้าวก่าย หรือแทรรกแซงธุรกิจเอกชน แต่กรณีนี้เป็นข้อยกเว้น
      Hedge Funds ชื่อ Long Term Capital Management (LTCM) ซึ่งผู้ก่อตั้งและบริหารงาน เป็นอรหันต์ทางการเงินทั้งสิ้น อันได้แก่ นายเดวิด มูลลิน (David Mullins) อดีตรองประธานธนาคารชาติของสหรัฐ นายมายรอน สโกลส์ (Myron Scholes) นักเศรษฐศาสตร์ผู้ได้รางวัลโนเบลในด้านการประเมินราคาซื้อขาย Options และนายโรเบริ์ต เมอร์ตัน (Robert MerTon) นักเศรษฐศาสตร์ผู้ได้รับรางวัลโนเบลอีกผู้หนึ่ง
     ด้านกองทุนเก็งกำไรขาลง LTCM มีผู้เชื่อถือมาก กองทุนนี้คิดค่าบริการร้อยล่ะ 25 ของผลกำไรของผู้ลงทุน และมีลูกค้าชั้นหนึ่งเช่น มูลนิธิ ร๊อคกี้เฟลเล่อร์ ธนาคารเดรสเน่อร์ของเยอรมัน กลุ่มเครดิตสวิสต์ ธนาคารยูบีเอส เอจี บริษัทประกันภัยเพรสซิเด้นท์ บริษัทนายหน้าเมอริล ลินซ์ เพน เวบเบอร์ และธนาคารกลางอิตาลี่ กองทุนนี้สามารถทำกำไรให้กับนักลงทุน ร้อยละ 42.8  หลังหลักค่าบริการแล้ว ในปี 1995 ร้อยละ 40 ในปี 1996 และร้อยละ 17 ในปี 1997
    ในปี 1997 มีสถาบันนักลงทุนและมหาเศรษฐีจากทั่วโลก แย่งกันส่งเงินมาเข้าร่วมลงทุนในกองทุนนี้ เพราะเห็นผลงานจากผลตอบแทนในสองปีที่ผ่านมา จนกระทั่ง LTCM ต้องส่งเงินจำนวน 2700 ล้านเหรียญ คืนให้กับผู้ลงทุน นักวิจารณ์บางคนถึงกับกล่าวว่า การได้ลงทุนในกองทุนนี้ เปรียบเสมือนได้นั่งรถโรลสรอยส์
    ในขณะที่กองทุนนี้มีเงินทุนอยู่แค่ 4800 ล้านเหรียญ แต่สามารถกู้ยืมเงินจากธนาคารต่างๆมาเพิ่มการลงทุนได้มากถึง 2 แสนล้านเหรียญ โดยการใช้หุ้นที่ซื้อมาค้ำประกันเงินกู้ หรือสามารถกู้ได้มากกว่า 50 เท่า ไม่เพียงแค่นั้นกองทุนนี้ยังซื้อหุ้นที่ซื้อมาค้ำประกัน การซื้อดัชนีเก็งกำไรประเภทต่างทั่วโลก รวมทั้งดัชนีการขึ้นลงของดอกเบี้ย (Derivatives) รวมทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นยอดเงินสูงถึง 1.25 ล้านล้านเหรียญ จากทุนดังเดิม 4800 ล้านเหรียญ หรือสองร้อยเท่า
     จะเห็นได้ว่าด้วยวิธีการเหล่านี้ จึงไม่มีทุนสำรองของธนาชาติแห่งใดในโลกที่เปิดเสรีทางการเงิน สามารถจะสู้ค่าเงินกับกองทุนเก็งกำไรความเสี่ยงเหล่านี้ได้
      เมื่อรัสเซียประสบปัญหาวิกฤติค่าเงินในเดือนสิงหาคม 1998 และประกาศพักชำระหนี้ในเวลาต่อมา ทำให้ดัชนีทั่วโลกเคลื่อนไหวอย่างระส่ำ ทำให้กองทุนเก็งกำไรขาลงรวมทั้งควันตั๊มฟันจ์ของนายโซรอส ขาดทุนอย่างระเนระนาด อย่างน้อยครึ่้งนึงของเงินทุน
      กองทุนของนายโซรอสขาดทุนมากถึง 2000 ล้านเหรียญ กองทุน LTCM ซื้อดัชนีเก็งกำไรพันธบัตรของเยอรมันและอเมริกาด้านขาลง แค่เมื่อเกิดวิกฤติ ทุนต่างวิ่งกลับไปยังแหล่งที่ปลอดภัยจึงทำให้พันธบัตรราคาสูงขึ้น กองทุน LTCM ขาดทุนมากถึงร้อยละ 90 ของเงินทุุนที่มีอยู่ จาก 4.8 พันล้านเหรียญมาเหลือเพียง 600 ล้านเหรียญ ในเดือนกันยายน 1998 (เหมือนกับธนาคารแห่งประเทศไทยเราที่สูญเงินทุนสำรองของชาติไปเกือบทั้งหมดในปี 1997 )
     กองทุน LTCM ได้แจ้งผลการประกอบการณ์ให้กับนาย อแลน กรีนสแปน ประธานธนาคารชาติของอเมริการับทราบ และขอความช่วยเหลือ นายกรีนสแปนจึงใช้ อิทธิพลดึงให้สถาบันการเงินยักๆเข้ามาอุ้ม โดยการลงทุนในกองทุนนี้เป็นจำนวน 3500 พันล้าน เพื่อชดเชยกับเงินที่สูญไป เพื่อจะได้ไม่ต้องล้มละลายอันจะทำให้สถาบันการเงินที่ลงทุนในกองทุนนี้ พังพาบ กลายเป็นภาระต่อรัฐบาลไปด้วย

Read More>>
2

หนังสือ Elliott Wave

9Professionaltrader วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553
Elliott Wave  E-Book  หนังสือสำหรับการศึกษาทฤษฎีคลื่น Elliott Wave 
ชื่อหนังสือ Mastering Elliott  Wave แต่งโดย Glenn Neely 
Download Ebook Elliott
หนังสือ เล่มนี้ได้เขียนเกี่ยวกับ ทฤษฎีของ Elliott Wave ไว้ครบถ้วน และเป็นต้นฉบับเลยก็ว่าได้สำหรับการศึกษา ทฤษฎีคลื่น Elliott Wave 
 ในหนังสือเล่มนี้ประกอบด้วย 12 Chapter
Chapter 1 Elementary Discussion จะอธิบายถึงที่มาว่า ทฤษฎีคลื่นอีเลียตเวฟคืออะไร ทำไมต้องศึกษา Elliott Wave 
Chapter 2 General Concept คอนเซ็บทั่วไปของอีเลียตเวฟ ว่า คลื่นคืออะไร 
Chapter 3 Preliminary Analysis  การวิเคราะห์เบื้องต้น เรียนรู้ว่า Monowave คืออะไร และกฎการปรับฐานมีอะไรบ้าง 
Chapter 4 Intermediary Observations จะบรรยาถึง Monowave Group และ Rule of Similarity and balance 
Chapter 5  Central Consideration  บทนี้เป็นหัวใจสำคัญ จะบรรยายถึง Impulsion  และ Correction Wave 
Chapter 6 Post Constructive Rules Of Logic  อธิบายถึง Impulsion และ Corrections ต่อ .
Chapter 7 Conclusions 
Chapter 8 Construction Of Complex Polywaves Multiwave etc, 
Chapter 9 Basic Neely Extension , Trendline Touch point , Time rule 
Chapter 10 Advance Logic Rules , Pattern Implication 
Chapter 11 Advance Progress Label Application , Impulse Pattern and Corrective Pattern 
Chapter 12 Advance Neely Extension 


Read More>>
10

จิตวิทยาในการเล่นหุ้น

จิตวิทยาในการเล่นหุ้น
จากหนังสือ คัมภีร์หุ้น

       ทำไมหลายคนซื้อหุ้นตัวไหนตัวนั้นจะลง แต่พอขายแล้วหุ้นกลับขึ้น หลายคนที่เล่นหุ้นในปัจจุบันจะรู้สึกเหมือนโชคไม่เข้าข้าง จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องของดวงหรืออะไรกันแน่ ทฤษฎีการลงทุนต่างๆ ควรจะใช้ได้ดี เพราะหลักการลงทุนผู้ลงทุนควรจะเลือกลงทุนสิ่่งที่ดีและอยากได้กำไรไม่อยาก ขาดทุน แต่จริงๆกลยุทธิ์ต่างๆกลับใช้ไม่ได้ผลเพราะนักลงทุนแต่ละคนเองมี"อคติ"ยอม ขาดทุน หากคิดว่าหุ้นจะลงต่อ หรือยอมซื้อของที่แพงมากหากคิดว่ามันจะขึ้นไปต่อ สิ่งที่นักลงทุนทุกคนใช้ จริงๆจึงเป็นการ"คาดคะเน" ใช้ "สมอง"ประมวลสิ่งต่างๆจากข่าวสารและปัจจัยโดยรอบแต่หารู้ไม่ว่า สมองมีกระบวนการตัดสินใจลึกๆภายในที่ขึ้นอยู่กับ"อารมณ์"มากกว่า "เหตผล"ยกตัวอย่างการเลือกคู่ครองที่ใช้อารมณ์มากกว่าเหตผลแม้คนที่เรียน เก่ง มีสมองดีที่สุดก็มักใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิต มากกว่าเหตผล
      นาย เวอร์นอน สมิธ นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลปี 2002 ผู้ที่ศึกษาการเงินเชิงพฤติกรรมเคยกล่าวไว้ว่า "นักลงทุนทุกคนมีกล่องดำที่เป็นส่วนประมวลผลการตัดสินใจอยู่ในสมองโดยไม่มี ใครรู้ว่ากล่องดำอันนี้มีวิธีในการตัดสินใจอย่างไร แต่กระบวนการตัดสินใจนี้ไม่มีเหตผล เปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะของจิตใจเป็นหลัก" เมื่อคนแต่ละคนไม่ได้ใช้ความมีเหตุ มีผลในการคิดแล้วการลงทุนที่เป็นสิ่งสะท้อนความคิดของนักลงทุนแต่ละคน ย่อมไม่มีเหตุผล ตลาดหุ้นเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้เลย มีคนเคยตั้งคำถามว่า ทำไมคนที่เรียนด้านการลงทุน เก่งที่ 1-10 อันดับของระดับมหาวิทยาลัย Wharton กับไม่เคยมีชื่อเสียงในวงการลงทุนเลย ทำไมคนที่ IQ สูงขนาดนั้นถึงได้ไม่ประสบผลสำเร็จในตลาดหุ้นกัน
       ย้อนกลับมาที่ตลาดหุ้นไทยจะเห็นว่า คนที่ยิ่งฉลาด ยิ่งขาดทุนมากในตลาดหุ้น แต่คนที่ฉลาดปานกลางแต่หากมี EQ สูงแล้ว กลับสามารถประสบความสำเร็จได้มากกว่าเหตผลทั้งหมดจะค่อยๆถูกเฉลยในบทต่อๆไป ลองดูเหตการเหล่านี้
       Ex1. คุณคิดว่าบริษัท A ผลประกอบการณ์ออกมาดีแน่ เลยซื้อหุ้นที่ราคาสิบบาท ตั้งใจจะขายในระยะสั้นๆที่่ 12 บาท เมื่อผลประกอบการณ์ออก แต่พอผลประกอบการณ์ออกมาดีดังคาดไว้ แต่ราคาหุ้นตกลงไป 8 บาท คุณทำใจขายทิ้งไม่ได้ (Avoid Regret) และคิดว่าหากราคาหุ้นกลับมาแค่เพียง10 บาท เท่าทุนก็จะขายไป ( Referance Point)
      EX2. คุณซื้อหุ้นที่บริษัท B ที่ราคา 10 บาทจำนวน หมื่น หุ้น พอราคาหุ้นวิ่งไป 12 บาท คุณขายทำกำไรไป 20000 บาท พอราคาหุ้นวิ่งขึ้นไป 15 บาท คุณรู้สึกเสียดายอย่างมาก(เจ็บใจที่ขายเร็ว ขายหมู) พอราคาหุ้นเริ่มปรับตัวลงมาที่ 13 บาท คุณซื้อหุ้นกลับมาแต่คราวนี้ซื้อไป 20000 หุ้นเลย เพื่อเอากำไรเยอะๆ (โลภ เพราะพึ่งได้กำไรมา) ซื้อแล้วหุ้นวิ่งกลับไป 10 บาท เหมือนเดิม ปรากฏว่าเบ็ดเสร็จแล้วคุณขาดทุน 40000 บาท (งง?)
      แม้ว่าสิ่งเหล่านี้ท่านเคยประสบมาหรือเคยได้รับคำเตือนครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าโปรดอย่าตามหลัง "มวลชน" แบบหลับหูหลับตา อันที่จริงคำว่า"มวลชน"นั้นไม่ใช่อื่นใด หากแต่เป็น"เรา "และ "ท่าน" นั้นเอง พฤติกรรมของ "มวลชน" ก็คือพฤติกรรมของคนทั่วไปหากมวลชนตัดสินใจผิดพลาดหรือเกิดปฏิกริยาทางอารมณ์ อย่างรุนแรงเพราะความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เราและท่าน ก็ตกออยู่ในสภาพเช่นนั้นด้วยเช่นกัน
     ดังนั้นลำพังการคิดว่าเราต้องปฏิบัติให้แตกต่างจากคนอื่นไม่เกิดประโยชน์ อะไร เพราะเรื่องเหล่านี้คนส่วนใหญ่ต่างทราบดีว่าควรทำอะไร ยกตัวอย่าง การสูบบุหรี่ ทุกคนทราบดีกว่า การเลิกบุหรี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่หากไม่"ปฏิบัติ"ก็ไม่มีทางก้าวพ้นจาก อุปสรรคทางความคิดและอารมณ์ที่ส่งผลให้เราไม่ประสบผลสำเร็จในตลาดหุ้นได้
       ใน"วิกฤติ มีโอกาส" แต่จะมีซักกี่คน ที่มองข้ามผ่านเมฆหมอกแห่งความกังวลเห็นถึงวันข้างหน้าที่สดใสได้ ในเมื่อบรรยากาศทั้งหมด มันไม่เป็นเช่นนั้น ทุกอย่างดูจะแย่ลง แย่ลง คนเรามองเห็นสิ่งที่ใจรู้สึกหากบรรยากาศรอบตัวร้อนเราก็จะเห็นแค่ความร้อน เราจะนึกถึงเวลาอากาศเย็นไม่ถูกเลย สิ่งเหล่านี้เป็นวิทยาสาสตร์ที่พิสูจน์แล้วว่า คนเราใช้ความรู้สึก ณ ขณะนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการตัดสินใจเรื่องใดๆ เช่น เวลาคนหิวจะชอปปิ้งมากกว่าเวลาอิ่มเป็นต้น

       อารมณ์มีผลต่อการตัดสินใจ
คุณ อาจคิดว่าอารมณ์ดีหรืออารมณ์เสีย ไม่มีผลต่อการตัดสินใจ แต่จริงๆไม่ใช่แม้คนที่มีเหตผลที่สุดหากขาดซึ่งอารมณ์ ก็จะไม่สามารถตัดสินใจใดๆได้ โดยเคยมีการศึกษาเรื่องนี้โดยนักประสาทวิทยา ชื่อ แอนโทนิโอ ดามาชิโอ ได้รายงานว่ามีคนไข้ที่สมองส่วน Ventromedical Frontal Crotices ถูกทำลายซึ่้งเป็นสมองส่วนที่ทำให้เกิดอารมณ์ แต่สมองส่วนความจำความฉลาดและความสามารถในการใช้เหตผลยังเป็นปกติอยู่ แต่จากการทดลองหลายครั้งพบว่า การปราศจากอารมณ์ในกระบวนการตัดสินใจได้ทำลายความสามารถในการตัดสินใจอย่าง สมเหตสมผล หมดไปด้วย
       ดังนั้นหากสถานการณ์ไม่ดี ทิศทางที่สมองที่คิดได้ จากข่าวสารและความรู้สึกคือ สิ่งที่ดำเนินต่อไป ของความไม่ดี จะให้สมองสั่งการว่า "ดี" จะเป็นการยากสมองจะสั่งการขัดแย้งออกมาทันทีว่า "ดีจริงหรือ" ใช้เหตผลอะไรที่คิดว่ามันจะดี ? ดังนั้นการซื้อหุ้นตอนที่บรรยากาศร้ายสุด แม้แต่คุณเองยังกลัว คงทำได้ยาก เพราะสมองจะคิดขัดแย้งออกมาว่า "จริงหรือ คราวนี้อาจลงยาวนะ"

       เครื่องมือเทคนิคกับอารมณ์
         บางคนบอกว่าหากเราไม่ใช้อารมณ์เข้ามาในการลงทุนหุ้นแต่เชื่อเฉพาะเครื่องมือ ทางเทคนิคซึ่งเป็นเครื่องมือที่ไม่ได้อ้างอิงใดๆเกี่ยวกับอารมณ์ของตลาดล่ะ จะได้ผลหรือไม่? คำตอบแรก ก็ต้องบอกว่าท่านที่คิดแบบนี้ ยังไม่เข้าใจเครื่องเทคนิคที่ดีพอ เพราะจริงๆแล้วเครื่องมือทางเทคนิคคือการใช้หลักสถิติศาสตร์ถอดแบบสภาพความ เป็นจริงในตลาดหุ้นแล้วนำมาพยากรณ์ความเป็นไปได้ต่อไป ซึ่งความเป็นจริงในตลาดหุ้นที่ถูกนำมาถอดแบบนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์"ความกลัว" และ "ความโลภ" ดังนั้นการใช้เครื่องมือก็ยังอิงกับอารมณ์ของตลาดอยู่ดี
         คำตอบที่สอง ขออ้างถึงคุณ J. Wells wilder เจ้าของเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคยอดนิยม เช่น RSI (Relative Strength Index) PAR(Parabolic Sar) MOM ( Momentum) Volatility( แรงกระเพื่อมของระดับราคา) ซึ่งเครื่องมือทางเทคนิคเหล่านี้ สร้างชื่อเสียงให้กับ Wilder เป็นอย่างมาก แต่ในภายหลัง เขาได้ออกบทความใหม่ ที่ชื่อว่า Adam's Theory เป็นการปฏิเสธเครื่องมือทางเทคนิคของเขาที่คิดค้นมาก่อนหน้า โดยเขาบอกว่า ทฤษฎีใหม่นี้เป็นการตกผลึกในความคิด ความเข้าใจ ในเรื่องการลงทุน หลายสิบปีที่เขามี
         ทฤษฎี Adam ตั้งอยู่บนข้อสรุปที่ว่า"ไม่มีเครื่องมือวิเคราะห์อันไหนที่สมบูรณ์ในตัว ที่สามารถชี้นำการตัดสินใจ ลงทุนได้อย่างแม่นยำและถูกต้อง 100% แต่เครื่องมือแต่ละชิ้นที่มีอยู่ในวงการ ต่างมีข้อบกพร่องในตัวเองไม่อาจ"จับตลาด"จนอยู่หมัดได้ ด้วยเหตุว่าตลาดว่า ตลาดนั้นไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่มีลักษณะตายตัว แต่เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นอื่นได้ตลอดเวลา
        เขาตั้งคำถามว่า "หากเครื่องมือเหล่านั้นแม่นยำจริง ทำไมนักลงทุน ที่ใช้เครื่องมือเหล่านั้น จึงยังประสบความขาดทุนอยู่ เครื่องมือเหล่านั้นจะวิเคราะห์เฉพาะจุด ไม่ผิดกับตาดบอด คลำช้าง ไม่เห็นภาพรวมของตลาดหรือของตัวหุ้นนั้นๆ มันไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ผันแปรอยู่เสมอของตลาดหุ้นได้ "
        ดังนั้นแม้เครื่องมือต่างอาจจะไม่มีความสมบูรณ์ในตัวมัน แต่หากเราเข้าใขอารมณ์ตลาด มาผสมผสานการ การวางแผน การลงทุนที่เข้าใจหลักจิตวิทยามวลชน การเล่นหุ้นจะทำได้ดียิ่งขึ้น โดยวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องอารมณ์นั้น จากหนังสือหลายๆเล่ม พอสรุปเหมือนกันได้ดังนี้
อ่านต่อบทความต่อไปครับ
    
Read More>>
6

กฎการลงทุนของ Victor Sperandeo

9Professionaltrader วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553
กฎการลงทุนของ Victor Sperandeo

สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ว่างๆก็เลยขุดหาหนังสือมาอ่านซื้อไว้นานแล้วแต่ไม่ได้อ่านซักที(ชื่อหนังสือ คัมภีร์หุ้น) อ่านไป อ่านมาไปเจอหัวข้อ กฎการลงทุนของ Victor Sperandeo  ซึ่งได้แปลและย่อมาจากหนังสือ Methods Of Wall Street Master  นาย Victor เป็นคนมีชื่อเสียงในฐานะนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น Wall Street มากว่า 23 ปี โดยเขาบอกว่าประสบการณ์ลงทุนทั้งหมดสามารถสรุปได้เป็น 19 ข้อ ดังนี้






กฎข้อที่ 1 ลงทุนอย่างมีแบบแผน และปฎิบัติตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด
            ก่อนลงทุน Victor บอกว่าจะต้องรู้เป้าหมายและโอกาสจะไปถึงเป้าหมาย ซึ่งหมายถึงการกำหนดแนวทางในการตัดสินใจ ถ้าเกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้นไม่ว่าจะเป็นด้านบวกหรือด้านลบ และจะต้องรู้ระยะเวลาในการลงทุนของตัวเอง เช่น เราเป็นนักลงทุยระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาว ความหมายในกฎข้อแรกของ Victor คือก่อนการลงทุนทุกครั้งต้อง "รู้เรา" หรือรู้จัก "ตัวเอง" ก่อน


กฎข้อที่ 2 จงเล่นหุ้นตามแนวโน้มตลาด
             Victor แบ่งแนวโน้มตลาดออกเป็น 3 ช่วง คือ แนวโน้ม ระยะสั้น แนวโน้มระยะปานกลาง และแนวโน้มระยะยาว ในแต่ละแนวโน้มจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สิ่งที่สำคัญคือ เราต้องรู้ว่ากำลังอยู๋ในแนวโน้มอะไร และอยู่ในช่วงใดของแนวโน้มนั้น ในสังเกตราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมามากหรือยัง

กฎข้อที่ 3 ใช้วิธีการตัดขาดทุนเมื่อจำเป็นทุกครั้ง
            Victor  บอกว่าก่อนลงทุนต้องวางแผนว่า เราจะตัดขายขาดทุนในระดับใด เมื่อราคาหุ้นไม่เป็นไปตามที่เราคิด กฎข้อนี้ Victor อธิบายว่า การที่เรายอมขาดทุนเพียงส่วนน้อย ย่อมดีกว่าขาดทุนบานปลายจนเราไม่กล้าตัดสินใต ซึ่งตามหลักการแล้วการตัดขาดทุนไม่ควรให้ราคาหุ้นตกลงไประดับ 10-20 % ของต้นทุน

กฎข้อที่ 4 เมื่อสงสัยในทิศทางตลาด ควรอยู่นอกตลาด
            สิ่งที่ Victor แนะนำถ้าเราอ่านตลาดไม่ออก ถ้าไม่มีหุ้นในมือยังไม่ควรซื้อ ถ้ามีหุ้นอยู่แล้ว ควรทยอยลดพอร์ต เข้าบอกว่าไม่ควรเข้าตลาดช่วงที่ถูกครอบงำโดยอารมณ์ฝูงชน ซึ่งสะท้อนออกมาในรูปของความโลภ และความกลัว

กฎข้อที่ 5 จงรอระยะอย่างอดทน และอย่าลงทุนหุ้นมากตัวเกินไป
            วิธีทำกำไรที่ดี ควรรอจนปัจจัยร้ายๆต่างๆมีความชัดเจนมากที่สุด และไม่ควรซื้อมากตัวเกินไป ทางที่ดีที่สุดควรซื้อหุ้นไม่เกิน 10 ตัว

กฎข้อที่ 6 ทำกำไรช้า แต่ตัดขาดทุนเร็วๆ
          กฎข้อนี้สำคัญมากๆ ในช่วงที่หุ้นกำลังขึ้น Victor บอกว่า ควรปล่อยให้ราคาหุ้นขึ้นไปเรื่อยๆอย่ารีบร้อนขาย แต่ต้องติดตามสถานการณ์อย่าใกล้ชิด ในทางกลับกัน ถ้ารู้ว่าเข้าผิดจังหวะ จะต้องตัดขายออกอย่างรวดเร็ว และให้ถอยออกมาตั้งหลักนอกตลาด

กฎข้อที่ 7 อย่าปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน
            กฎข้อนี้เป็นการเตือนว่า "อย่าโลภมากเกินไป " บางคนมีวิธีการคือ ถ้าราคาขึ้นไป 1 ใน 3 ของเป้าหมายกำไรที่ตั้งไว้ก็ตัดขายออกมา 1 ใน 3 ส่วนกำไรเพิ่มขึ้น 1 ส่วน ก็ตัดขายออกมา 1 ส่วน เพื่อให้แน่ใจว่า ทำกำไรได้แน่นอน(สรุปได้กำไร2/3ส่วน หากหุ้นมาถึงเป้าหมาย)

กฎข้อที่ 8 ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว และขายเมื่อราคาสูงขึ้น
            Victor เน้นย้ำสำหรับนักเก็งกำไร ถ้ามองแนวโน้มใหญ่ยังเป็นขาขึ้น แต่แนวโน้มระยะสั้นราคาอ่อนตัวให้เข้าซื้อลงทุนระยะสั้นได้ (แต่ถ้าแนวโน้มใหญ่เป็นขาลงด้วย อย่าเข้าไปรับเชียว ตามกฎอย่ารับมีดที่ตกจากท้องฟ้า)

กฎข้อที่ 9 เป็นนักลงทุนในช่วงต้นของตลาดกระทิง และเป็นนักเก็งกำไรในช่วงท้ายตลาดกระทิงและ       ตลาดหมี
            วิธีการลงทุนที่ฉลาด Victor บอกว่า ถ้ามั่นใจว่าตลาดเริ่มพลิกกลับจากหมี มาเป็น กระทิง เราต้องซื้อลงทุน อย่างเล่นเก็งกำไร แต่ถ้าตลาดหุ้นขึ้นมามากแล้ว ซึ่งคาดว่า จะเป็นปลายกระทิง หรืออยู่ในตลาดหมี อย่าเล่นแบบลงทุน ในซื้อขายแบบนักเก็งกำไร(แต่ต้องเตรียมตัดขาดทุนด้วยนะครับ หรือไม่หากเริ่มเจ็บสักครั้ง ก็เลิกมาตั้งหลักดีกว่าครับ)

กฎข้อที่ 10 อย่าใช้วิธีถัวเฉลี่ยการขาดทุน
             การถัวเฉลี่ยอาจหมายถึงการ "ถลำลึก" ลงไปเรื่อยๆและปกปิดข้อบกพร่องของตัวเอง Victor ให้เรายอมตัดขาดทุนและรอกลับมาซื้อราคาถูกจะดีกว่า

กฎข้อที่ 11 อย่าซื้อเพราะเห็นว่าราคาถูก และอย่าขายเพราะคิดว่าราคาสูง
            หลักเลี่ยงความคิดว่า ราคาได้ตกลงมาถึง "จุดต่ำสุด"แล้วหรือคิดว่า ราคาสามารถ"ผ่าน" สุดสูงสุดเดิมไปได้ ความจริงคืออย่าใช้ความรู้สึกส่วนตัวเป็นตัวตัดสิน Victor บอกว่า เพราะมันอาจจะเป็นความคิดที่ผิด

กฎข้อที่ 12 ให้เล่นหุ้นในช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องสูงเท่านั้น
             Victor เชื่อว่า ตลาดช่วงที่มีสภาพคล่องต่ำ เป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูงแสดงถึงความไม่มั่นใจในสภาวะตลาดจึงไม่คุ้มที่จะเข้ามาลงทุน

กฎข้อที่ 13 อย่าเข้าตลาดในช่วงที่มีความผันผวนสูง
             ตลาดหุ้นที่ผันผวนสูงมักจะเป็นช่วงปลายของตลาดหุ้นขาขึ้นเป็นช่วงที่นักลงทุน ขาดการไตร่ตรอง จึ่งเสี่ยงต่อการติดหุ้นสูง

ฎข้อที่ 14 ซื้อหรือขายหุ้นอยู่บนพื้นฐานการตัดสินใจของตนเองเท่านั้น
            กฎของ Victor ข้อนี้ บอกให้เราซื้อขายหุ้นบนพื้นฐานการตัดสินใจของเราเองอย่าเล่นตามข่าวลือ เพราะกว่าข่าวลือจะมาถึงทำให้เราก้าวตามหลังคนอื่นหลายก้าว จึกมักจะตกเป็นเหยื่อในที่สุด


กฎข้อที่ 15 ต้องวิเคราะห์ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ
            เขาเน้นย้ำว่า เมื่อนักลงทุนเกิดความผิดพลาดขึ้น ควรนำมาวิเคราะห์เพื่อให้เห็นสาเหตของความผิดพลาดนั้น จะได้ไม่ปกปิดความผิดพลาดจนทำให้การลงทุนครั้งต่อๆไปล้มเหลว


กฎข้อที่ 16 ต้องระมัดระวังข่าวลือเรื่องการ Take Over
             ทั้งนี้เพราะข่าวการเทคโอเว่อ จะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น ถ้าจะเข้าลงทุนต้องไวพอ

กฎข้อที่ 17 ตรวจสอบราคาซื้อขายให้ชัดเจนก่อนส่งคำสั่ง ซื้อขาย

กฎข้อที่ 18 จดคำสั่งการซื้อขายทุกครั้ง เป็นหลักฐานยืนยันความถูกต้องเมื่อมีการทำผิดพลาดของโบรกเกอร์

กฎข้อที่ 19 รู้และปฏิบัติตามกฎทั้ง 18 ข้อ ( 15 ข้อก็คงพอนะท่าน Victor )

เพื่อนๆลองอ่านดูนะครับ พิมพ์จนมือหงิกแล้วครับ เด๋วผมจะมาตีแตกกฎแต่ละข้อสำหรับ Forex ให้อ่านอีกทีครับ

Read More>>
10

Divergence and Convergence Trading

9Professionaltrader วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553
 Divergence and Convergence Trading
สวัสดีครับเพื่อนๆทุกคน วันนี้ขอนำเสนอ วิธีการเทรดโดยการดู Divergence วิธีนี้เทรดเดอร์มือใหม่ควรจะเรียนรู้เอาไว้นะครับ เพราะสามารถใช้ทำกำไรได้ดีทีเดียว เทรดเดอร์บางคนเทรดมาหลายปีแล้วยังไม่รู้เลยครับ ว่า Divergence และ Convergence คืออะไร วันนี้ 9professionaltrader จะเขียนบทความให้อ่านนะครับ
Divergence เป็นการวิเคราะห์ทางเทคนิคอีกแบบหนึ่งที่นิยมใช้กันมากในการวิเคราะห์ ในตลาดฟอเร็กซ์หรือแม้แต่ตลาดหุ้น  เพราะ Divergence เป็นวิธีการเทรดที่ง่ายและเข้าใจง่าย
  • Divergence คือ การแยกออกจากกัน ความขัดแย้งกันของราคาและตัวชี้วัด(Indicator) หมายความว่า ทิศทางของราคาและทิศทางของตัวชี้วัด Indicator จะตรงกันข้ามกัน 
  • Convergence คือ การลู่เข้ามาหากัน ลู่เข้ามาบรรจบกัน ในการวิเคราะห์เราจะหมายความว่า ทิศทางของราคา และทิศทางของตัวชี้วัด Indicator จะไปในทิศทางเดียวกัน 
ตัวชี้วัด Indicators ที่ใช้ในการดู Divergence และ Convergence ที่ใช้กันทั่วไป ส่วนมากจะเป็น Oscillators Indicator คือ Indicators ที่วัดการแกว่งของราคา ได้แก่ Relative Strength Index (RSI) , Moving Average Convergence Divergence (Macd) , Stochastic Slow (Sto) , Commodity Channel Index และ William's Percent Range (W%R)
ตัวชี้วัดเหล่านี้ ผมได้ทดลองใช้แล้วพบว่าดีที่สุดสำหรับการดู Divergence
  •  Divergence มี 2 ประเภท คือ Divergence Bullish คือ ราคาทำจุดต่ำสุดใหม่(New Low) เมื่อเทียบกับจุดต่ำสุดเก่า (Low)  แต่ตัวชี้วัด(indicator) ทำจุดต่ำสุดใหม่(New Low) สูงกว่าจุดต่ำสุดเก่า(Low)  ดูรูปด้านล่างครับ
Bullish Divergence

จากรูปจะเห็นว่าความชันของ Indivator จะเป็นบวก

EX. Bullish Divergence Chart เป็นกราฟ ของ GBP/USD



-ทริคในการดู Bullish Divergence ให้ได้ผลออกมาดีที่สุด คือ เราต้องรอให้ราคาที่มาทำ New Low มีการดีดตัวกลับก่อน ตรงตำแหน่ง New Low ต้องเกิด Bullish Candle คือมีการดีดตัวกลับ แล้วเราจึงมาดู Indicator ว่า New Low มันสูงกว่า Low เดิมมั้ย ถ้ามันสูงกว่า นี่คือสัญญาณ Bullish Divergence เราสามารถเปิดออเดอร์ Buy(Long) ได้เลยครับ




  • Divergence Bearish คือ ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ (New High) สูงกว่าจุดสูงสุดเก่า (Low) แต่ตัวชี้วัด (Indicator) ทำจุดสูงสุดใหม่ (New High) ต่ำกว่าจุดสูงสุดเก่า (High) ดูที่รูปด้านล่างครับ
 จากรูปเราจะเห็นว่า ความชันของอินดิเคอร์เตอร์ จะเป็นลบ 


Ex. ตัวอย่างกราฟ Divergence Bearish เป็นกราฟ EUR/USD 4 H
 จากรูปเราจะเห็นว่า ราคาขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่สูงกว่า แต่อินดี้ของเรากลับทำจุดสูงสุดใหม่ต่ำกว่าเก่า แบบนี้เราเรียกว่า Divergence Bearish ครับ 
ทริคในการสังเกตไดเวอร์เจนประเภทนี้ คือเราต้องรอให้ราคาหยุดนิ่งก่อน อย่าไปสวนขณะที่มันกำลังพุ่งขึ้นเด็ดขาด ต้องรอให้มีการกลับตัวเล็กน้อย โดยดูจากแท่งเทียน ถ้ามีแท่งเทียนกลับตัว Bearish Candle , Reverse Candle และมาดูที่ Indicator ถ้ามันต่ำกว่า High เก่า เราก็สามารถ Sell (Short) 
ได้เลย
Read More>>
6

ผลงานการเทรดของสมาชิก blog 9prof สัปดาห์นี้ขอนำเสนอผลงานของ nana ครับ

9Professionaltrader วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553
วันนี้ขอโชว์ผลงานของนานาหน่อยนะเพื่อนๆ พอดีเธอส่งผลงานมาให้ผมดู เห็นแล้วน้ำลายไหล อยากได้ซัก 2 ดอล 555+ ผลงานยอดเยี่ยมครับ กำไร มากกว่า 50 % กับผลงาน 1 อาทิตย์ ดูจากการเปิดออเดอร์แล้ว เธอ Buy อย่างเดียวครับ ดูจาก Statement เทรดทั้งหมด 93 ครั้ง Win Trade 84ครั้ง Loss Trade 9 ครั้ง คิดเป็นเปอร์เซน 90.32% win สุดยอดครับ ดูจากกราฟ จะเห็นว่ากราฟร่วงลงมา นั่นไม่ใช่เทรดเสียนะครับ เธอเบิกไปกินขนม โอ้ว..แม่เจ้า ขนมห่อล่ะ 800 ดอล ร่ำรวยครับ นานา ขอให้รักษาระดับการเทรดของตัวเองให้ได้แบบนี้ตลอดนะครับ


สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่ต้องการโชวผลงานการเทรด ส่งผลงานมาได้นะครับ โดยส่งมาที่ email : ween_me_kmitnb@hotmail.com ผมจะอัพขึ้น บล๊อคให้ เป็นกิจกรรมเสาร์ อาทิตย์ เอาไว้ให้กำลังใจสำหรับคนใหม่ๆ ที่พึ่งเข้าวงการ ว่า" ถ้าคุณตั้งใจและศึกษามันอย่างจริงจัง ก็สามารถมีกำไรจาก ตลาดฟอเร็กซ์ได้ครับ"
Read More>>
3

Forex Brokers

Forex Brokers สำหรับการเทรด Forex  โบรกเกอร์ที่ 9professionaltrader ใช้เทรดมีทั้งหมด 3 โบรกหลักๆคือ Instaforex Fxopen และ Exness ซึ่งผมจะเปรียบให้ดูกันว่าแต่ละโบรกเกอร์มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ดูรายละเอียดที่ด้านล่างเลยครับ

FxOpen




Instaforex เป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับความยอดนิยมมาก ณ ตอนนี้ จุดเด่นของโบรกนี้คือ เรื่องโบนัส ให้โบนัสเยอะมาก 30% ของเงินฝาก

รายละเอียดทั่วไปของโบรกเกอร์ Instaforex
  • เสปรด(Spread)เริ่มต้น  3 pips  ได้แก่ค่าเงิน EUR/USD , GBP/USD 
  • Leverage สูงถึง 1:1000  เทรดที่ 0.1 Lot ใช้ Margin 1.87 $ ( โบรกเกอร์ Marketiva ใช้มาจิ้น 10 $ กำไรขาดทุนจุดละ 10เซนต์)
  • Support ใช้ความช่วยเหลือ 24ชั่วโมง 5 วันทำการ แต่ถ้าต้องการติดต่อเรื่องการเงิน ต้องติดต่อภายในเวลา 14.00-24.00 ตามเวลาประเทศไทย( การถอนเงินควรถอนช่วงนี้)
  • ฝากเงินเข้าต่ำสุด 1 ดอลล่าร์ และเทรดได้ต่ำสุด 0.01lot จุดละ 1 Cent ถ้าเทียบกับ Marketiva ก็เทรดที่ 1 ดอลล่า จุดละ 1 เซนต์เช่นกัน การฝากเงินเข้าแบบอัตโนมัติ
  • การถอนเงิน ระยะเวลาให้การถอนเงิน 3ชั่วโมงถึง 2 วัน สำหรับการถอนเข้า LibertyReserve และ Webmoney Transfer 
  • สามารถเทรดทองคำ Gold ได้
  • Swap ดอกเบี้ยข้ามคืน มีสองบัญชี คือ แบบมี สวอป และไม่มี สวอป เราสามารถเลือกได้
  • วิธีการสมัคร สามารถดูได้ที่นี่  ขั้นตอนการเปิดบัญชีกับ Instaforex 
  • Instaforex ให้โบนัสสำหรับการฝาก 30 % ของเงินที่ฝาก สามารถดูขั้นตอนการฝากเงินและรับโบนัสได้ที่นี่  ขั้นตอนการรับโบนัสของ Instaforex
  • เทรดบนโปรแกรมเทรด MetaTrader4,Mt4 สามารถดูวิธีการติดตั้ง Mt4 ได้ที่นี่ วิธีการติดตั้ง Mt4
  • หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโบรกเกอร์ Instaforex สามารถสอบถามได้ที่ ช่อง Comment ด้านล่าง หรือติดต่อผมทาง Email : ween_me_kmitnb@hotmail.com
Read More>>
11

การวิเคราะห์แนวโน้มของอียู(EUR/USD) ประจำวันที่ 20-24 กันยายน 2010 วันศุกร์ Happy weekend รอปิดพอร์ตครับ

9Professionaltrader วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553
การวิเคราะห์แนวโน้มของอียู(EUR/USD) ประจำวันที่ 20-24 กันยายน 2010
EUR/USD วันศุกร์
สวัสดีครับ เทรดเดอร์ทุกท่าน สุดสัปดาห์อีกแล้ว วันนี้แรงกันแต่เช้าเลยนะครับ ถ้าใครได้เล่นเงินสกุลเยน JPY คงสามารถทำกำไรได้เยอะ เพราะวันนี้พุ่งขึ้นใน 5 นาที 100 จุด
มาวิเคราะห์อียูกันต่อครับ วันนี้ มุมมองส่วนตัวผมยังมองว่าขึ้นอยู่ เพราะยังถือออเดอร์ Buy อยู่ครับ รอทดสอบ High 1.3440 ถ้าไม่ผ่านก็จะโดดออกนะครับ แต่ถ้าผ่านก็ปล่อยยาวครับ
หวังว่าเพื่อนๆทุกคน คงบวกกันนะครับ Happy trading on weekend ครับ

EUR/USD วันพฤหัสบดี วันนี้ข่าว USD แรงครับ
ข่าว USD ใกล้จะออกกันแล้วนะครับ 19.30 เตรียมพร้อมกันหรือยัง อิอิ ตอนนี้อียูลงมาปรับฐานที่ 1.3310  แนวรับอยู่ที่ตรงนี้ครับ ถ้าหลุดแนวรับตรงนี้ได้จะลงไปที่ 1.3260 โดยประมาณ แต่ถ้าไม่หลุดแนวรับนี้ รอสัญญาณแท่งเทียน ให้มี Bullish candle ก่อนนะครับ จึงเปิดออเดอร์ Buy ดูรุปกันเลยครับ

Oscillator Indicators วันนี้ขอหยิบยก W%R ( william's percent range ) มาใช้นะครับ ตอนนี้ Indicator บ่งชี้วัด OverSold แล้ว  รอให้ อินดี้หักหัวขึ้นก่อนนะครับ ค่อยหาจังหวะ Buy กราฟที่เห็นในภาพ เห็นกราฟอียู 30 นาที
วันนี้ขอให้ร่ำรวยนะครับ 9prof ^^
สวัสดีตอนสายๆของวันพฤหัสบดีครับ วันนี้วิเคราะห์กราฟ Daily กันครับ ราคาเป้าหมายของอียูอยู่ที่ Fibonacci Retracement 138.2 และ 161.8  และ  Trendline ด้านบนเส้นสีแดงครับ ดังรูปเลยครับ


วันนี้มีสองข่าวที่ส่งผลแรง คือ Unemployment Claims  และ Exiting Home Sales ทุ่มครึ่งและสามทุ่ม ใครที่เล่นข่าวก็เตรียมรอสองข่าวนี้ได้เลยครับ
EUR/USD(วันพุธ)
สวัสดีต้อนเช้าวันพุธครับ ผมหวังว่าทุกคนคง Happy กับข่าว FOMC นะครับ แต่เมื่อเช้าคุยกับเพื่อนๆใน Marketiva บางคนก็ได้ บางคนก็โดนไปเยอะเหมือนกัน แต่มีบางคนที่ไม่ได้เข้าอะไรไว้ สำหรับคนที่ชอทไว้ ตื่นมาคงขวัญผวากับการพุ่งขึ้นของอียูอย่างแน่นอน เนื่้องจากข่าวนี้ครับ

ข่าวจาก ryt9 .com ตลาดหุ้นนิวยอร์ค สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) เนื่องจากตัวเลขการสร้างบ้านที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งในสหรัฐทำให้นักลงทุนลด การถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE ในการประชุมเมื่อวานนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนผิดหวังที่คณะกรรมการเฟดไม่ได้ประกาศใช้มาตรการ QE เพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมเมื่อวานนี้ แม้เฟดประเมินว่าอัตราการฟื้นตัวของผลผลิตและการจ้างงานชะลอตัวลงในช่วงหลาย เดือนที่ผ่านมาก็ตาม นอกจากนี้ นักลงทุนยังลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในเดือนส.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 10.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 4 เดือน สู่ระดับ 598,000 ยูนิต และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 550,000 ยูนิต หลังจากขยายตัวเพียง 0.4% ในเดือนก.ค. ส่วนตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างบ้านใหม่เดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.8% สู่ระดับ 569,000 ยูนิต หลังจากร่วงลง 4.1% ในเดือนก.ค. นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า แนวโน้มในระยะยาวของทองคำยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจยังคงไม่แน่นอน 



เข้าสู่ Mode วิเคราะห์ทางเทคนิคของเราต่อครับ แนวโน้มของอียูจากที่ได้คาดการณ์ไว้ว่า ราคาจะมาทดสอบ 1.3333 อีกครั้ง ซึ่งเป็น High เดิม แล้ววันนี้มันใกล้จะถึงแล้วครับ สำหรับนักลงทุนระยะยาวคงหน้าชื่น ตาบานกันแต่เช้า โดยวันนี้มีแนวต้านอยู่ที่ 1.3333 ซึ่งถือว่าตำแหน่งนี้เป็น Double Top ซึ่งมี นัยสำคัญมาก ถ้าผ่านได้ก็ไปยาว แต่ถ้าผ่านไม่ได้ ก็ร่วงลงมาเพื่อปรับฐานเช่นกัน
โดยราคาเป้าหมายวัดจาก Fibonacci Retracement 0%ที่ 1.2589 และ 100% ที่ 1.3332 ราคาเป้าหมายที่ระดับ Fibonacci 138.2 และ 161.8% อยู่ที่ 1.3615 และ 1.3791 ถ้าราคาผ่าน High 1.3333 มันไปแน่นอนครับ รูปด้านล่างครับ
  วันนี้ขอให้ทุกคนโชคดีนะครับ เขียวๆจากการเทรด มีปัญหาหรือข้อสงสัยอะไร สอบถามได้นะครับ 
สามารถพูดคุยกับผมได้ที่ E-mail: ween_me_kmitnb@hotmail.com (ทุกวัน)
หรือทาง Skype : sharpshooter_199(เสาร์-อาทิตย์ )

EUR/USD(วันอังคาร)
 วันนี้มีข่าวของ USD เป็นข่าวดอกเบี้ย ซึ่งเป็นข่าวที่ทำให้ค่าเงินผันผวนมาก เชคข่าวได้จาก www.forexfactory.com
 ข่าวแปล

ดัชนี นิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันนี้ (21 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลาง สหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยตลาดปิดอ่อนแรงลงหลังจากทะยานขึ้นแข็งแกร่งในช่วงเช้า ขานรับการปิดบวกของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดลบ 23.98 จุด หรือ 0.25% แตะที่ 9,602.11 จุด
หุ้น กลุ่มธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อยดิ่งลงหนักสุด ตามด้วยหุ้นกลุ่มประกันและกลุ่มเหมืองแร่ ส่วนหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ กลุ่มสายการบิน กลุ่มเหล็กและเหล็กกล้า ดีดตัวขึ้นในวันนี้
ใน ช่วงเช้านั้นตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวขึ้นขานรับการปิดบวกของตลาดหุ้นนิวยอร์ก เมื่อคืนนี้ แต่ช่วงบวกในตลาดหุ้นโตเกียวเริ่มอ่อนตัวลงเนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการ ซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมเฟดคืนนี้
คณะ กรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจะประชุมนโยบายในคืนนี้เพื่อประเมินว่าควรจะใช้ มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE หรือไม่ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะยังไม่ริเริ่มใช้มาตรการดังกล่าวในระยะนี้ เนื่องจาก เฟดมีแรงกดดันน้อยลงหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นบวก รวมถึงข้อมูลที่บ่งชี้ว่าการเลย์ออฟพนักงานเริ่มชะลอตัวลง ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้น และการผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยลดกระแสความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจกลับ เข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหม่ และช่วยลดแรงกดดันให้กับเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด และคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) ด้วย


สำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิควันนี้ อียูขึ้นมาทดไฮที่ 1.3145 และตอนนี้ราคาปรับตัวลงมาเล็กน้อย โดยความเห็นส่วนตัวของผม แนวโน้มยังคงเป็นขาขึ้นอยู่ และกำลังจะไปทดสอบไฮ ที่ 1.3333 อีกครั้ง แนวต้านของอียูวันนี้อยู่ที่เส้นเทรนไลน์สีขาว
RSI เริ่มปรับตัวขึ้นแนวต้านอยู่ที่เส้น Level 70

EUR/USD (วันจันทร์)
จากวันศุกร์ อียูได้ขึ้นไปทำ New High แล้วร่วงลงก่อนตลาดปิด โดยร่วงไปที่ 1.3017 และได้ปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อยก่อนตลาดจะปิดตัวลงในช่วงวันศุกร์
เช้าวันนี้เปิดตลาดมา มีแก็บ(Gap)เล็กน้อย ราคาพุ่งขึ้นมาเล็กน้อย และมาการปรับตัวลงไปอีกครั้งไปปรับฐานที่ 1.3034 ก่อนจะขึ้นมาทำ High ณ ตอนนี้ที่ 1.3081


จากกราฟอียู 4H ผมคาดการณ์ว่าอียูน่าจะขึ้นไปทดสอบ High อีกครั้ง โดย High แรกที่ทดสอบคือ 1.3120 และ High ที่สอง คือ 1.3158 ซึ่งเป็น High ของวันศุกร์ และถ้าผ่าน High นี้ได้จะไปที่ เส้นเทรนไลน์สีขาวที่ผมได้ขีดไว้ ซึ่งจะอยู่ประมาณ 1.3195-1.3200

รูปด้านบนผมได้ขยายมันออก เพื่อวัด Fibonacci โดยวัดที่ Low(0%=1.3017)และHigh (100%=1.3158) เพื่อหาราคาเป้าหมาย โดยราคาเป้าหมายของเรามีอยู่สองตำแหน่งคือ ที่ Fibonacci 138.5%(1.3212) และ 161.8%(1.3245) จาก Fibonacci ด้านบน แนวต้านอยู่ที่ Fibo 50% และ 61.8% ที่ราคา 1.3088 และ 1.3104 ตามลำดับ
วิเคราะห์จาก Relative Strength Index ; Rsi  กำลังขึ้นไปทดสอบ High อีกครั้ง ถ้าขึ้นไปแล้วไม่สามารถผ่าน High เดิมได้ เราจะเรียกมันว่า Divergence ราคาจะกลับตัวลงมาทันที

Fundamental Analysis  การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน  ; ข่าวใน Forexfactory.com วันนี้มีแต่ข่าวสีเหลืองและสีส้ม (Low and Middle Impact) http://www.forexfactory.com/index.php?tomorrow=1    ลองเชคข่าวกันดูนะครับ

การวิเคราะห์ทางเทคนิค= การวิเคราะห์กราฟ + การวิเคราะห์ Indicator
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน = การวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆและ US


Read More>>
7

เคล็ดลับในการใช้โปรแกรมเทรด MT4 , Hot Key และการตั้งค่าต่างๆในโปรแกรมเทรด

9Professionaltrader วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553
เคล็ดลับในการใช้โปรแกรมเทรด MT4 , Hot Key และการตั้งค่าต่างๆในโปรแกรมเทรด

-การใช้ Full Screen เต็มจอ: กด F11 เพื่อขยายดูกราฟเต็มจอ และกด F11 เพื่อคืนค่าเดิม


-ctrl+m=Market watch ตารางแสดงค่าเงิน


-ctrl+n= Navigator ในส่วนของ Navigator นี้จะแสดง Account , Expert advisor , Indicators , Custom Indicators และ Scripts


-Ctrl+t=Terminal  จะแสดงหน้าต่างการเทรดของเราเอง ซึ่งจะมี Trade , Account History,News, Alerts , Mailbox,Expert และ Journal

เราสามารถย่อหน้าต่าง Terminal ลงได้ โดยการคลิกเม้าซ้าย2 ครั้ง ที่แท็บ Terminal
นอกจากนี้เรายังสามารถลาก (Drag) Terminal ไปไว้ตรงไหนก็ได้ โดยการคลิกซ้ายค้างที่ Terminal แล้วก็ลากไปใส่ไว้บนกราฟ

-Ctrl+d =Data window เป็นการแสดงรายละเอียดของกราฟเรา


- เมื่อต้องการให้หน้าต่างของเรากลับมาเหมือนเดิมก็กด F11
-Ctrl+B = Objects list รายการเครื่องมือต่างๆ ที่เราใช้ วาดเขียนอยู่บนกราฟ ถ้าเราต้องการลบหรือแก้ไข สามารถกด Ctrl+B ได้ 
-Ctrl+I = Indicators List กดดูรายการอินดิเคเตอร์ที่อยู่บนกราฟของเรา


การใช้ Hot Key : การใช้ Hot Key เพื่อความสะดวกในการเปิดปิดออเดอร์ การใช้ Indicators , Scripts , EA ตัวต่างๆ  เราสามารถสร้างกำหนด Hot Key  ให้ใช้งานบนคีบอร์ดของเราได้

เช่น ผมต้องการที่จะใช้ MACD โดยไปที่ Ctrl+n ( Navigator) เลือก Custom Indicators แล้วเลือก Macd จากนั้น คลิกขวา เลือก Set hotkey

ตัวอย่างการ Set hotkey ของ 9prof นะครับ

ช่อง Control จะมีให้เราเลือก 2 อัน คือ Ctrl กับ Atl  และช่อง key ให้เราใส่ตัวอักษร หรือตัวเลข ที่เราต้องการกำหนดลงไป
จากตัวอย่าง ถ้าผมต้องการจะ Buy ผมก็กด alt+b  , Sell กด atl+S  ประมาณนี้ครับ
hotkey สามารถช่วยเราได้เยอะนะครับ ลองเข้าไปหาสคริป หรือ EA ต่างใน Forum นี้นะครับ แล้วเอา Scripts กับ EA เหล่านี้มากำหนด Hot key ของเราลงไป http://www.forexfactory.com/showthread.php?t=193727

วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ เด๋ววันหน้ามาต่อให้ มีอีกเยอะครับ ขอให้ใช้ Hotkey , Scripts , Expert Advisor ให้เกิดประโยชน์นะครับ

Read More>>
20

วิเคราะห์แนวโน้มโดยใช้ทฤษฎีอีเลียตเวฟ(Elliott wave) ,Fibonacci , Trendline , รูปแบบกราฟ(Chart Pattern) และอินดิเคเตอร์ทั่วไปประจำวันที่ 13-17 กันยายน 2553-Update ที่หัวข้อนี้ทุกวันครับ

9Professionaltrader วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553
วิเคราะห์แนวโน้มโดยใช้ทฤษฎีอีเลียตเวฟ(Elliott wave) ,Fibonacci , Trendline , รูปแบบกราฟ(Chart Pattern) และอินดิเคเตอร์ทั่วไปประจำวันที่ 13-17 กันยายน 2553 -


EUR/USD(Friday-Wish all Thai Trader have a good trade on weekend ^^) 


เวลาผ่านไปรวดเร็วจริงๆ เผลอแปบเดียววันศุกร์แล้ว ตลาดจะปิดอีกแล้ว บางคนก็ไม่อยากให้มันปิดเลย เพราะเสาร์ อาทิตย์ไม่รู้จะทำอะไร ผมก็เหมือนกันนะ เสาร์อาทิตย์ตลาดปิด แต่ก็มานั่งดูกราฟ แต่นิสัยแบบนี้ไม่ดีนะครับ วันหยุดควรจะพักผ่อนให้เต็มที่ เพื่อเก็บแรงไว้เทรดต่ออาทิตย์หน้า
มาว่ากันต่อกับเรื่องของอียูสไตล์ของ 9prof ครับ
EUR/USD หลังจากเมื่อวานนี้ได้ขึ้นมาทำ High ที่ 1.3117 ซึ่งเป็นตำแหน่งของ Trendline ที่ผมได้ลากไว้พอดี เมื่อชนแล้วไม่ผ่าน เด้งลงทันที โดยที่ตอนนี้ราคาลงมาปรับฐานที่ 1.3060-50 ถ้าไม่ผ่านสองราคานี้ อียูจะกลับไปเทส High เดิมอีกครั้ง 1.3117 และเส้น trendline สีแดง ซึ่่งเป็น wedge ถ้าราคาสามารถผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านต่อไปอยู๋ที่ Resistance Trendline เส้นสีเหลือง ตำแหน่งที่ 2 ดังรูป
วิเคราะห์แนวโน้มโดยใช้ Trendline 4 H
ถ้าราคาผ่านแนวต้านที่ตำแหน่งที่สองไปได้ มันจะไปที่ 3 , 4 ตามลำดับ โดยในระยะยาวผมคาดการณ์ว่ามันจะกลับไปทดสอบ High เดิมอีกครั้งที่ 1.3333

แนวโน้มของอียูกราฟสัปดาห์
เรามาดูกราฟ Week กันดีกว่าครับ เห็นแท่งเทียน บ่งบอกความหมายได้หลายๆอย่าง และประกอบกับ Rsi weekly ชี้ขึ้นด้วย เป็นสัญญาณบ่งบอกได้ชัดว่า ราคาไปต่อแน่นอน ถ้าอาทิตย์นี้ ราคาปิดสูงกว่าครึ่งของแท่งเทียน week แนวโน้มต่อไป เป็นแนวโน้มขึ้นแน่นอนครับ แล้วราคาเป้าหมายอาจจะทะลุ High เดิม 1.3333 ด้วยครับ

ข่าว-วันนี้เป็นวันศุกร์ เทรดเดอร์หลายๆคนกลัววันศุกร์กันมาก บางคนถึงกับเรียกมันว่า ศุกร์หฤโหด ผมก็เคยเจอนะครับ เล่นสะสมกำไรมาทั้งอาทิตย์ มาเสียเอาวันเดียวกับวันศุกร์นี่แหระครับ เหนื่อยเปล่า เพราะฉะนั้น วันศุกร์เราควรระวังให้ดีนะ เล่นน้อยๆ Stop loss ด้วย แล้วอีกอย่างอย่าเปิดออเดอร์ทิ้งไว้ เพราะวันจันทร์อาจจะเกิด gap( gap คือช่องว่างของราคา ในช่วงวันเสาร์ วันอาทิตย์ )
วันนี้มีข่าวของ USD สองข่าว ที่มีผลมากๆ เพราะเป็นข่าวสีแดง (High Impact) โดยที่ นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ โดยสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค Core CPI(m/m) (CPI) เดือนส.ค.และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.(Prelim UoM Consumer Sentiment)
โดยที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ดีขึ้นทั้งสองข่าว
วันนี้เทรดด้วยความระวังนะครับ ขอให้เขียวๆกันทุกๆคนครับ Happy Weekend 
ขอบคุณทุกๆคอมเม้น 9prof ครับ


EUR/USD(Thursday)


กราฟของอียูตอนนี้ไซเวย์ครับ ขึ้นไปชน Resistance Trendline ด้านบนแล้วไม่สามารถผ่านได้ หลังจากที่กราฟได้พุ่งขึ้น กราฟก็ต้องมีการพักตัว การพักตัวจะทำให้เราเทรดยาก การเทรดกราฟพักตัว ต้องเทรดสั้นๆ โดยใช้ Oscillator เช่น Rsi , macd , stochastic และ bollinger band โดยเฉพาะ โบลินเจอร์แบนจะเหมาะมากกับกราฟไซเวย์ ชนขอบบน เราก็ Sell  ชนขอบล่าง เราก็ Buy ครับ ดังรูปด้านล่างครับ
กราฟอียู ห้านาที
เทรดโดยใช้ Bollinger Band 

ทุกอย่างไม่ได้ง่ายเหมือนในรูปหรอกครับ ต้องดูหลายๆอย่างประกอบ ซึ่ง  9prof จะเขียนไว้ในบทความเรื่องการใช้ bollinger band ครับ ว่าจะดูยังไงกันบ้าง

เรามาดูที่กราฟ สี่ชั่วโมงกันต่อครับ เมื่อวานกราฟไม่วิ่งไปไหนเลย ไซด์เวย์ทั้งวัน ใครที่เป็นเซียนไซด์เวย์เล่นสั้นๆ คงได้เยอะนะครับ จากกราฟ ดูเหมือนว่าอียูจะไม่ผ่าน เทรนไลน์เส้นสีเหลือง ซึ่งเมื่อวานราคาก็ได้ขึ้นไปทดสอบอีกครั้ง แต่ไม่สามารถผ่านได้ ราคาก็ลงมาอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ราคาอยู่ที่ 1.2988 ดูเหมือนว่าจะขึ้นไปต่อ
แนวต้านวันนี้อยู่ที่ High เมื่อวานนะครับ ถ้าผ่านได้ ก็จะไปที่ fibonacci 161.8 ตามรูป แต่ถ้าผ่านไม่ได้อาจจะเป็น Tipple top แล้วก็ลงต่อ คอยดูกันนะครับ
Relative Strength Index - RSI ตอนนี้ rsi ชนแนวต้าน ไม่สามารถทะลุผ่านได้ เป็นสัญญาณบอก Divergence ถ้าราคาทะลุผ่าน Low เมื่อวานนี้ได้จะช่วยยืนยันสัญญาณ Divergence ของเราอีกที ครับ
ดูรูปด้านล่างกันเลยครับ
Divergence Bearish 4H Eur/USD 

ข่าว- วันนี้มีข่าว สำคัญหลายข่าวมาก ยังไงขอให้ระวังด้วยนะครับ อย่าลืม Take Stop loss ด้วย ไม่งั้นอาจจะโดนลากยาวได้ครับ ข่าวสำคัญวันนี้สำหรับ EUR/USD  ดูได้ที่ www.forexfactory.com และดูความหมายของข่าวได้ที่ ความหมายของข่าว 


EUR/USD(Wednesday)

 หลายๆคนอาจจะงงงวยกับการผันผวนของอียู เพราะในช่วงบ่าย ราคาร่วงลงมาเล็กน้อย สาเหตที่ร่วงลงก็เพราะข่าวในช่วงบ่ายของ EURO Zone แต่ราคาก็ดีดตัวขึ้นหลังจากที่ตลาดนิวยอร์คเปิดทำการได้ไม่นาน EUR/USD พุ่งขึ้นขานรับข่าวของ USD ที่ออกมาดีเกินความคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งข่าวที่มีผลเมื่อคืนคือ Retail Sales m/m และ Core retail sales m/m ( retail sales คือ ยอดค้าปลีก ส่วน m/m =month = รายเดือน ) ซึ่งยอดค้าปลีกของเดือนสิงหาคมได้เพิ่มขึ้นเป็น 0.4 จากที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ที่  0.3 อีกทั้งยังมีข่าว Bussiness Inventories m/m(Bussiness Inventories คือ สต๊อกสินค้าคงคลัง)   ได้เพิ่มขึ้นเหนือคำคากการณ์ โดยเพิมขึ้นเป็น 1.0 หลังจากที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้เพียง 0.5 สาเหตที่ข่าวนี้มีผล ทั้งๆที่เป็นแค่ข่าวสีส้ม (Middle Impact ดูรายละเอียดใน Forexfactory.com ) ก็เพราะว่า สต็อกสินค้าคงคลังในภาคธุรกิจเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมีอิทธิพลต่อวงจรทางธุรกิจและการขยายตัวของเศรษฐกิจ ครับ
 วันนี้(wednesday)ให้จับตาดูข่าว Empire State Manufacturing Index ซึ่งนักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ที่ 8.7 เวลา 19.30 น. รอดูกันนะครับ ซึ่งการวิเคราะห์ข่าว ผมจะเขียนบทความเกี่ยวกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน(Fundamental Analysis) ในโอกาสต่อไป ครับ

 ** นอกจากเราจะวิเคราะห์ทางเทคนิคได้แล้ว เราต้องศึกษาเกี่ยวกับการวิเคราะห์พื้นฐานด้วย ***
การวิเคราะห์แนวโน้มของ EUR/USD
ภาพการวิเคราะห์แนวโน้มของ EUR/USD ประจำวันพุธ

เข้าสู่การวิเคราะห์ทางเทคนิคของ 9prof ต่อครับ  ราคาได้ทะลุจุด D ที่วิเคราะห์ไว้เมื่อวานขึ้นมาซึ่งเป็น High ที่ 1.2917 มาจนถึง Fibonacci Retracement 138.2 % แล้วราคายังปรับตัวอยู่ในช่วงนี้

แนวโน้มในวันนี้ยังคงเป็นอัพเทรนต่อ โดยแนวต้านแรกอยู่ที่ Resistance TrendLine เส้นที่ 1 ครับ ถ้าราคาสามารถทะลุผ่านได้ จะไปที่ Trendline เส้นสีแดง เส้นนี้นัยสำคัญมาก โดยส่วนมากราคาจะไม่ผ่านเส้นนี้ ถ้าไม่ผ่านจะลงยาวเช่นกัน ลักษณะของเทรนไลน์เส้นสีแดงจะคล้ายๆลิ่ม (Wedge) เมื่อเทียบกับเทรนไลน์เส้นล่าง แต่ถ้าราคาสามารถผ่าน เทรนไลน์เส้นสีแดงได้ ราคาจะทะลุยาวเช่นกัน (ระวังด้วยนะครับ ให้ขีดเทรนไลน์เส้นสีแดงเอาไว้ ) ถ้าราคาสามารถผ่านเส้นเทรนไลน์สีแดงได้ ราคาจะไปที่ Resistance Trendline เส้นที่ 2 และอาจจะไปทดสอบ High เดิมที่ 1.3333

Relative Strength Index , Rsi  ตอนนี้ Rsi ชนแนวต้านที่ผมได้ขีดไว้แล้ว ตรงนี้เป็นแนวต้านที่สำคัญเช่นกัน นอกจากเราจะใช้ Rsi เพื่อบอก Over Bought และ Oversold แล้ว เรายังใช้ Rsi เพื่อหาแนวรับ แนวต้านได้  จากภาพ ผมได้เปรียบเทียบไว้สองจุด คือ จุดที่ี 1 และ 2 ของ ราคา และ Rsi เมื่อเราเอาจุดสองจุดนี้มาเปรียบเทียบกันระหว่างราคาและอาเอสไอ มันจะหมายถึงการ Divergence  ราคาทำ New High เมื่อเทียบกับยอดเก่า แต่ RSI ยังไม่ได้ทำ New High  นี่คือ การ Divergence ครับ (สำหรับมือใหม่นะ ที่ยังไม่รู้อะไร ผมจะอธิบายไปพร้อมกับการวิเคราะห์กราฟไปด้วย เพื่อเป็นแนวทางเอาไปใช้กับการวิเคราะห์ของตัวเอง )

*** สำหรับวันนี้วิเคราะห์ไว้เพียงเท่านี้นะครับ หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ ทุกคน ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ 9prof ขอขอบคุณมากครับ ***
EUR/USD   (วันอังคาร)
วิเคราะห์แนวโน้มกราฟอียูโดย 9Prof


จากภาพด้านบนนะครับ เป็นกราฟอียูที่สี่ชั่วโมง หลังจากที่ราคาได้ล่วงลงไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลายคนคาดการณ์ว่ามันน่าจะร่วงต่อ แต่ถ้าเราได้ดู Relativa Strength Index (Rsi) เราจะรู้ว่ามัน Divergence แล้ว (Divergence คือ ราคาทำ New Low แต่ Rsi ไม่ได้สร้าง New Low ,Low ใหม่ สูงกว่า Low เก่าเรื่อยๆ)เรื่อง Divergence เด๋วผมจะเขียนบทความให้อ่านนะครับ ถ้ารู้เรื่องนี้ได้ ก็สามารถทำกำไรได้อย่างง่ายดายแล้วครับ)
จากคลื่นอิเลียตเวฟ(Elliott wave) คลื่น 5-a-b-c ยังคงเป็นปัญหาสำหรับผม เพราะผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นแบบที่ผมได้วิเคราะห์ไว้หรือป่าว แต่อีกใจก็คิดว่า wave 5 อาจจะเป็น wave 3 ใหญ่ wave a อาจจะเป็นเวฟ 4 ประมาณนี้ครับ
จาก XABCD คือ Harmonic Pattern จุด D เป็นแนวต้าน Resistance TrendLine ถ้าราคาสามารถผ่านแนวต้านนี้ได้ ราคาเป้าหมายอยู่ที่ Fibonacci Retrracement 161.8% (Low 1.2647 High1.2917)
แนวรับของวันนี้อยู่ที่ 1.2850(Fibonacci 76.4%) และFibo 61.8 -50%

หาบทความไหนไม่เจอ กดที่นี่ครับ สารบัญบทความของ Blog 
คอมเม้นได้เต็มที่นะครับ 9prof ขอขอบคุณมากครับ
** ถ้าจำชื่อ Blog ไม่ได้ ไปที่ Google แล้วพิม 9prof นะครับ จะเจอ Blog 9professionaltrader.blogspot.com ครับ ***
Read More>>
16

คำสั่งพิเศษ Scripts Close all สำหรับใช้ปิดออเดอร์

การใช้คำสั่งปิดออเดอร์ทั้งหมดที่เราได้เปิดไว้โดยใช้ Scripts Close all ในโปรแกรมเทรด MT4
สวัสดีครับ ทุกคน มีเพื่อนผมคนนึงครับอยากสั่งปิดออเดอร์ที่เปิดไว้ทั้งหมดทีเดียว เหมือนกับคำสั่ง Close all ใน Marketiva  ผมก็เลยไปหามาให้ครับ และแสดงขั้นตอนการใช้งานทั้งหมดของ Scripts Close All ครับ
ขั้นตอนการใช้งาน Scipts Close all
1. ดาวโหลด Scripts  ได้ที่นี่ครับ ดาวโหลด Scripts Close all 
2. เมื่อดาวโหลด สคริปเรียบร้อยแล้ว ให้ไป Copy Scripts ตัวนี้ไปไว้ใน My Computer >>> Disk C>>>;Program File >>>> Insta trader ( หรือ Forex Broker ของเราเอง ) >>> Experts >>> Scripts จากนั้น paste
3. เมื่อวางเสร็จ ให้ปิดโปรแกรมเทรด MT4 ก่อน แล้วเปิดขึ้นมาใหม่
4. จากนั้นไปที่ Tools--->Options จากนั้น คลิกตามรูปด้านล่าง ครับ


5.จากนั้นให้เปิด Navigators หรือกด Ctrl+N ก็ได้ แล้วเลือก Script ( Close all Open and pending orders) แล้วลากไปใส่กราฟเลยครับ ดังรูป

นี่เป็นตัวอย่างที่ผมเปิดออเดอร์ไว้เพื่อทดสอบ สคริป Closse all

ลาก Scripts Close all open and pending order มาไว้บนกราฟ

จากนั้น สคริปก็จะทำงานครับ ปิดเร็วหรือไม่เร็ว ขึ้นอยู่กับความเร็วของอินเตอร์เนตของเราด้วยนะครับ แต่ผมรับรองว่าปิดเร็วกว่าปิดมือแน่นอน ออเดอร์ของผมทั้งหมดปิดภายใน 10 วินาที

อีกหนึ่งตัวอย่างครับ ของแถม เอาไว้ตั้งเวลาปิดได้  เช่น สมมติว่าผมเปิดออเดอร์ไว้ที่ สิบโมงเช้า แล้วผมอยากปิดออเดอร์ที่ 10.30 น ผมก็สามารถใช้อีเอตัวนี้ได้
การติดตั้ง
1. ดาวโหลด EA ได้ที่นี่ ดาวโหลด Close_open_order_by_set_pair_set_account_set_time_EA
2. Copy File ไปไว้ที่ My Computer >> Disk C >> Program file >> Insta( your Broker) >>Expert จากนั้นก็ Paste วางอีเอลงไปเลยครับ
3.ปิดโปรแกรมเทรด แล้วเปิดขึ้นมาใหม่
4. เลือก Navigators หรือกด Ctrl+N แล้วเลือก Expert Advisors >> จากนั้นเลือก Close Open order by set pair set time EA  แล้วลากไปใส่กราฟเลยครับ จากนั้นก็ตั้งค่า
สมมติว่าผมเทรดที่ 7 GMT ต้องการปิดที่ 7.01 GMT  ก็ต้องCloseHour = 7,  CloseMinute=1 ดังรูปด้านล่างครับ


แล้วก็กด OK เลยครับ เมื่อถึงเวลาที่เราตั้งไว้ ออเดอร์ของเราก็จะปิดทันทีครับ

วันนี้ 9prof ใจดี ขอแถมอีกหนึ่งครับ เป็น อีเอ  Close Open Orders by set Pair After set Accountprofit EA  ตัวนี้เป็น อีเอสำหรับปิดเมื่อเราได้กำไรแล้ว สามารถตั้งค่าได้ ลองเอาไปใช้กันนะครับ
 สามารถเข้าไปเลือก Scripts พิเศษไว้ใช้งาน ได้ที่ http://www.forexfactory.com/showthread.php?t=193727

วันนี้ 9prof ขอจบเพียงเท่านี้นะครับ ใครมีคำถาม ถามได้เลย ที่ช่องคอมเม้น ครับ ขอบคุณมากครับ

Read More>>
5

วิธีการเทรดข่าวนอนฟามในสไตล์ของ 9professionaltrader (Trading Non-Farm Payroll Style 9Professionaltrader)

9Professionaltrader วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553
วิธีการเทรดข่าวนอนฟามในสไตล์ของ 9professionaltrader (Trading Non-Farm Payroll Style 9Professionaltrader) 
การเทรดข่าวนอนฟาม Non-Farm Payroll วิธีนี้ ที่ผมได้ใช้เป็นประจำในการเทรดข่าวนอนฟาม นอกจากข่าวนอนฟามแล้ว ก็ยังสามารถใช้กับการเทรดข่าวแดงๆแรงๆ (High Impact) ได้ทุกข่าว หลักการนี้ผมจะเรียกมันว่า Break out Entry Setting การตั้งราคาเข้าเมื่อมันทะลุ  (ชื่อนี้คิดสดๆเลยครับ) หลักการของมันคือ
-เราจะตั้งราคาไว้ล่วงหน้าที่ราคาสูงสุดและต่ำสุดของช่วงที่ผ่านมา คือจะตั้ง Buy Stop ไว้ที่ High และ Sell Stop ไว้ที่ Low
-เมื่อราคาวิ่งทะลุขึ้นด้านบนก็จะชนราคา Buy stop ที่เราได้ตั้งไว้ และเมื่อ ราคาวิ่งลงมาทะลุ Low ด้านล่างก็จะชน Sell Stop ที่เราได้ตั้งไว้
-การตั้ง Stop Loss  การตั้ง Stop Loss ของ Buy ให้ตั้งที่ ตำแหน่ง Sell Stop บวกไปอีกห้าจุด หรือหาจุด Low ที่ใกล้เคียงกับราคา Sell Stop ในช่วงนั้นๆ และการตั้ง Stop Loss ของ Sell Stop ก็ตั้งที่ตำแหน่ง Buy stop บวกไปอีก ห้าจุด หรือตั้งที่จุดใกล้เคียงกับราคา Buy Stop ในช่วงเวลานั้นๆ
-คำถาม ? อ้าวแล้วถ้ามันวิ่งชนสองฝั่ง ทำไงล่ะ
ตอบ ก็โดน Stop loss ทั้งสองฝั่งไงครับ เสียเบิ้ลเลย เสียสองทาง เพราะฉะนั้นเราควรหาตำแหน่ง Stop Loss ให้เหมาะสม
- อีกหนึ่งคำถาม มีวิธีแก้ไขมั้ย แบบนี้ ถ้าผมไม่ตั้ง Stop Loss จะได้มั้ย เผื่อมันวิ่งสองฝั่งผมจะได้กินทั้งสองฝั่งเลย
 ตอบ  ก็ได้ครับ แต่ถ้ามันวิ่งชน Stop order คุณทั้งสองฝั่ง แล้วมันตัดสินใจไปทิศทางใดทิศทางหนึ่งคุณต้องตัดอีกพอร์ตทันที ไม่งั้นมันลากคุณยาวแน่ๆ อีกวิธีก็คือ ปล่อยให้ราคาลากไป แล้วไปปิดออเดอร์ที่บวกที่แนวรับแนวต้านใหญ่ๆ จากนั้นก็รอราคาเด้งกลับ พอร์ตคุณก็จะมีกำไรละ แต่ผมแนะนำให้ตั้ง Stop Loss ดีกว่า จะได้ไม่ต้องเครียดทีหลัง ติดลบนานๆมันเครียด เกิดอาการจิตตก หลอนประสาท
ด้านล่างนี้เป็นรูปตัวอย่างการเทรดข่าวนอนฟาม (Trading non-farm news)
เป็นกราฟของวันศุกร์ที่ 3 ของเดือนกันยายน 2553 เวลา 19.30 ข่าวนอนฟามจะมีเฉพาะศุกร์แรกของทุกๆเดือน ดูรูปกันเลยครับ
การเทรดข่าวนอนฟาม
การเทรดข่าวนอนฟาม (Trading non-farm payroll) ณ วันศุกร์ที่ 3 เดือนกันยายน 2553 เวลา 19.30 น คู่เงิน GBP/USD
หากเพื่อนๆคนไหนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเทรดข่าว สามารถถามได้นะครับ ยินดีตอบให้เสมอ .. 9prof
อย่าลืม สมัครสมาชิก บัญชี google gmail เพื่อเป็นผู้ติดตาม Blog กันนะครับ ที่เมนูด้านข้าง

Read More>>
34

การใช้ Bollinger band ควบคู่ไปกับ Relative Strength Index และ Stochastic Slow ในตลาดฟอเร็กซ์

การใช้ Bollinger band ควบคู่ไปกับ Relative Strength Index และ Stochastic Slow ในตลาดฟอเร็กซ์
บทความนี้ได้มีเพื่อนผมคนนึงครับบอกชื่อเลยละกัน kt2008(user ในมาเก็ตติว่านะครับ) บอกให้ผมช่วยหา Indicators ที่ใช้ควบคู่กับ Bollinger Band หน่อย ซึ่งตอนนั้นผมก็ตอบเพื่อนคนนี้อย่างรวดเร็วไปว่า "เออ ใช้กับ Stochastic Slow ว่ะ"ซึ่งผมยังไม่ได้บอกมันเลยครับ ว่าผมไม่ได้บอกทั้งหมดว่าใช้กับ RSI ได้ด้วย  แต่ว่าใช้ได้เหมือนกัน เพียงแต่ Stochastic บอกสัญญาณที่เร็วกว่า Relativa Strength Index (Rsi)  Oscillators ที่บอกสัญญาณได้เร็วอันดับแรกก็คือ Commodity Channel Index (CCI) และรองลงมาก็คือ Stochatic  สองตัวนี้จะเหมาะสมกับกราฟพักตัว หรือที่เรียกว่ากราฟไซเวย์(Sideway) นั่นเอง เพราะฉะนั้น อย่าได้ใช้อินดิเคเตอร์สองตัวนี้ในการเล่นกราฟที่มีแนวโน้มไปทางเดียวเด็ดขาด เพราะคุณอาจจะถูกหลอกว่ามัน Over Bought (OB= ภาวะตลาดมีแรงซื้อเยอะเกิน )ในช่วงขาขึ้น และภาวะตลาดที่มีแรงขายเยอะเกิน (Over Sold) ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่นักลงทุนตกใจ อย่าพยายามคิดว่า มันสุดแล้วหน่า Sell ดีกว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้าครับ   เพราะฉะนั้นคุณควรจะศึกษา Elliott wave หรือหาจัดกลับตัวจากการใช้ Fibonacci กันด้วยครับ ทั้งสองสิ่งนี้มันจะทำให้เรารู้ว่ากราฟจะพักตัวตรงไหน จะกลับตัวตรงไหน สามารถพยากรณ์ช่วยเราได้
InstaForex
เปิดบัญชี โบรกเกอร์ Instaforex Rebate 50%



สำหรับบทความนี้นะครับ จะเป็นเรื่อง การใช้  Bollinger Band ผมจะอธิบายตามหลักที่ผมเข้าใจนะครับ
Bollinger Band คือเส้นที่อยู่เหนือราคา และอยู่ตำกว่าราคา สองเส้นนี้จะเป็นกรอบที่ห้อมล้อมราคาไว้ และสามารถบอกเราให้รู้ว่า ราคาควรจะอยู่ในช่วงไหน ซึ่งนี้แหระครับ คือความมหัศจรรย์ของมัน หลายคนอาจจะมีมองข้ามสิ่งที่ง่ายๆไป สิ่งที่สามารถทำกำไรได้ โดยที่ไม่รู้ว่า พื้นฐานนี่แหระครับ เป็นสิ่งที่ดี (Basis(c) is the best ) โบลินเจอร์แบนจะประกอบด้วยทั้งหมด 3 เส้น ในกรณีที่อยู๋ในกราฟ MT4 นะครับ แต่ถ้าอยู่ใน Marketiva จะมีสองเส้น (ให้เพิ่มเส้น MA 20 เข้าไปเพื่อให้มีสามเส้นเหมือนกับ mt4 )
Bollinger band ประกอบด้วย 1. Upper Line เส้นบนสุด  2.Middle Band เส้นกลาง 3. Lower Line เส้นล่างสุด  เส้นกลาง Middle Line ผมจะเรียกมันว่า เส้น Pivot จะใช้เป็นจุดกึ่งกลางของช่วงที่ราคาเคลื่อนที่ โดยกฎทั่วไปของ Bollinger band  ผมจะพิจารณาเป็นสองช่วงนะครับ ช่วงแรกคือกราฟวิ่งทางเดียว หรือที่เรียกว่า กราฟมีแนวโน้มที่ชัดเจน และช่วงที่สองคือ ช่วงกราฟวิ่งขึ้นวิ่งลงเป็น Flat(ขนานในแนวระนาบ) หรือที่เรียกว่ากราฟ Sideway (เหมาะมากกับการใช้โบลินเจอร์แบน)
เรามาดูแบบแรกกันก่อนนะครับ
สภาวะขาขึ้น Bullish 
-ช่วงที่มีแนวโน้มชัดเจน ถ้าเป็นขาขึ้น (Bullish) กราฟจะเกาะเส้นบน (Upper Line ) ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีการพักตัว
-เมื่อกราฟพักตัวแล้วราคามีการปรับตัวลงมา แต่ราคาไม่สามารถทะลุเส้น Middle Band ไปได้ นั่นหมายความว่า ราคายังจะคงขึ้นต่อไปจนกว่าจะไปชนเส้นบน Upper line อีกครั้ง
-แล้วจุดกลับตัวดูยังไง
   จุดกลับตัวก็ดูจากราคาปิดของแท่งเทียน ถ้าราคาปิดของแท่งเทียนปิดต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของแท่งมันเอง นั่นหมายความว่า แนวโน้มของกราฟกำลังจะกลับตัวลงมาที่เส้น Middle Line อีกครั้ง
-แล้วเราจะใช้กับ Time frame ไหน จึงจะเหมาะสมที่สุด
Time Frame หรือ ช่วงเวลาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่าเล่นสั้น(Short term Trading) หรือเส้นยาว(Long Term Trading) ถ้าเล่นสั้นๆ ก็ใช้ Tf 5 15 นาที แต่ถ้าเล่นยาวๆ ก็ควรจะใช้ มากกว่า 1 H แต่โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมใช้กับกราฟ 30 นาที ถือว่าเหมาะสมกับผมที่สุด
ต่อไปเรามาดูสภาวะที่เป็นขาลง Bearish กันบ้างครับ
สภาวะขาลงก็ตรงกันข้ามกับขาขึ้น แต่สภาวะขาลงจะเล่นสนุกกว่าขาขึ้น เพราะลงมากกว่าขึ้น และใช้เวลาน้อยกว่า เทรดเดอร์บางคนรอเล่นเฉพาะขาลง เพราะมันได้กำไรเร็ว
-ถ้าราคาเกาะเส้นล่าง Lower line ไปเรื่อย แสดงแนวโน้มของขาลงยังคงไปต่อ และยังไม่จบอย่างง่ายๆ โดยเฉพาะถ้าแท่งเทียนปิดต่ำกว่าครึ่งของแท่งมันเอง เป็นสัญญาณบอกได้ชัดเจนว่าลงต่อ อย่างแน่นอน
-เมื่อราคามีการพักตัวราคาจะดีดกลับมาที่เส้น Middle Line แต่โดยส่วนมาก ราคามักจะไม่ผ่านเส้นกึ่งกลางนี้
-เมื่อราคาเกิดการพักตัวจะ Side way ไปหาเส้น Middle Line แล้วเมื่อไปชนเส้นนี้ แล้วมีแท่งเทียนขาลงเกิดขึ้น แสดงว่าแนวโน้มยังคงลงต่อไปและไปหาเส้นล่าง(Lower Line ) เสมอ

-แล้วจุดกลับตัวล่ะ ดูยังไง
จุดกลับตัวก็ดูตรงข้ามกับกราฟขาขึ้น จุดกลับตัวของกราฟขาลง ถ้าราคาทะลุเส้นโบลินเจอร์แบนลงไปแล้ว เด้งกลับขึ้นมาแล้วลักษณะของแท่งเทียนแสดงเป็นลักษณะ โดจิ ค้อน หรือดูราคาปิดก็ได้ ถ้าราคาปิด ปิดสูงกว่ากึงกลางของแท่ง ก็แสดงว่า เริ่มจะกลับตัว

ช่วงที่สอง กราฟวิ่งขึ้นวิ่งลง หรือเรียกกันว่ากราฟไซด์เวย์ นั่นเอง
กราฟไซเวย์ดูง่ายครับ ถ้าใช้ Bollinger Band ลักษณะของโบลินเจอร์จะเป็นช่องขนานไปกับแนวระนาน โดยที่
- เส้นบนจะกลายเป็นแนวต้านทันที นั่นหมายความว่า ถ้าราคาขึ้นไปแล้วไม่ผ่าน มันก็จะวิ่งลงมาหาเส้นล่าง แล้วถ้าไม่ผ่านเส้นล่าง ก็ขึ้นไปหาเส้นบน จะเป็นแบบนี้ตลอด
-แล้วมันจะแบบนี้ตลอดเลยเหรอ
มันจะเป็นแบบนี้เฉพาะช่วงไซย์เวย์หนักๆเท่านั้น โดยส่วนมาก จะไม่เกิน 3 Top 3 Bottom ถ้าเกินคือกราฟเริ่มสะสมแรงเพื่อไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
- แล้วมีจุดสังเกตมั้ยว่ากราฟกำลังสะสมกำลังจะพุ่ง
   ดูง่ายๆเลยครับ ถ้าโบลินเจอร์แบนลู่เข้าหากัน หมายความว่า เป็นลักษณะคอคอด หรือขอขวดนัั่นแหระ ให้้เตรียมพร้อมไว้เลย ว่ากราฟจะกำลังจะไปในทิศทางใด ทิศทางหนึ่ง
วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ ผมให้การบ้านกับคนที่อ่านทุกคน จินตนาการตามที่ได้อ่าน แล้วลองดูกราฟ ตอนนี้ผมยังไม่ทำรูปให้ดู แล้วมาดูกันว่า รูปตามจินตนาการของคุณกับของ 9prof จะเหมือนกันมั้ยครับ ฝากไว้เป็นการบ้านนะครับ

มาดูกันต่อนะครับ ว่า  Bollinger band มีวิธีใช้อย่างไร
1.Up Trend ชนขอบบนแล้วทะลุ และราคาเกาะเส้น Upper Line ไปเรื่อยๆ นั่นหมายความว่า UpTrend Strong แนวโน้มขาขึ้นยังคงไปได้เรื่อยๆ
ดูรูปตัวอย่างด้านล่างครับ


2.DownTrend ชนขอบล่างแล้วทะลุขอบล่างลงมา เมื่อราคาเกาะขอบล่างลงมา ราคาจะไปต่อได้เรื่อยๆ วิธีสังเกตคือ ถ้าราคาปิดของแท่งเทียนปิดใกล้กับเส้นขอบล่าง นั่นหมายความว่า แนวโน้มลงยังคงดำเนินต่อไป และแนวโน้มขาลงมักจะเคลื่อนที่แบบต่อเนื่อง และรวดเร็วกว่าแนวโน้มขาขึ้นมากๆ
ดูตัวอย่าง แนวโน้มขาลงจาก Bollinger band กันเลยครับ



3.Sideway  เมื่อราคาไซด์เวย์ โบลินเจอร์แบนจะเคลื่อนตัวขนานราบ (Flat) หลักการเทรดด้วย Flat แบบนี้ก็คือ เมื่อราคาชนขอบบนแล้วมีแท่งเทียนกลับตัว ให้เปิดออเดอร์ Sell ทันที และเมื่อราคาชนขอบล่างแล้วมีแท่งเทียนกลับตัวขึ้นไป ให้เปิดออเดอร์ Buy ทันทีครับ ดังรูปตัวอย่างด้านล่าง

ด้านบนเป็นตัวอย่างการเข้าซื้อ ขายโดยใช้ Bollinger Band นะครับ จากรูปดูเหมือนง่ายนะครับ เพราะว่ามันเป็นกราฟย้อนหลัง การดูสัญญาณเพียวๆจากโบลินเจอร์แบนตัวเดียวค่อนข้างจะยากนิดนึงครับ เราต้องอาศัยดูแท่งเทียนตอนกลับตัวด้วย แต่อินดี้ตัวนี้จะเหมาะกับพวกชาวสวนมากกว่า เพราะฉะนั้น ผมจึงต้องหาอินดิเคเตอร์อีกตัวเพื่อเป็นตัวกรองสัญญาณอีกทีครับ เพื่อใช้ร่วมกับ Bollinger band

Indicator ตัวแรกที่ใช้กับ Bolinger band คือ Relative Strength Index (RSI) ; RSI เป็นตัวชี้วัดที่บอก Overbought ( Above 70 ) และ OverSold (Below 30)  และ Pivot (50 level)

1. RSI อยู่เหนือ Level 70 ; แบบนี้บ่งบอกว่าราคาได้ขึ้นมากแล้ว และกำลังจะกลับตัว ดูกราฟเลยครับ

2.Rsi อยู่ต่ำกว่า Level 30 ; ถ้า Rsi บ่งบอกแบบนี้หมายความว่า ราคาได้ลงมามากแล้ว และพร้อมที่จะกลับตัวขึ้นไปอีกครั้ง ดูภาพด้านล่างประกอบเลยครับ


จากรูปเห็นมั้ยครับ Rsi เกิด Oversold แล้วขณะที่ราคาแท่งเทียนทะลุขอบล่างแล้วกลับตัวขึ้นไปอีก แบบนี้ให้เราสังเกตไว้เลยครับ ว่าถ้า Rsi เกิด Oversold แล้วมีแท่งเทียนกลับตัว ให้เราเตรียมตัวเปิดออเดอร์ Buy ได้เลยครับ แล้วตั้ง Stop Loss ไว้ที่ Low ของแท่งเทียนก่อนหน้านั้น

3. RSI ที่ Level 50 (Pivot) โดยส่วนมากนะครับ Level 50 นี้ จะมีสำคัญมาก เทรดเดอร์บางท่านใช้ Level 50 นี้แหระครับ ในการตัดสินใจเทรด ถ้าทะลุ Level 50 ขึ้นไปก็ Buy ตาม แต่ถ้า Rsi ทะลุ Level 50 ลงมา ก็ Sell ตาม ดังรูปด้านล่างครับ

การใช้ Bollinger Band ควบคู่กับ RSI ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำกำไรได้ง่าย แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเรานะครับ บางครั้งผมเห็นสัญญาณกลับตัว ก็ยังไม่กล้าเข้าเลย ก็เพราะความกลัวนี่แหระครับ ทำให้พลาดโอกาสหลายๆครั้ง เพราะฉะนั้นเทรดเดอร์ควรจะชนะความกลัวของตัวเองก่อนนะครับ จึงจะประสบความสำเร็จจากการเทรด โชคดีครับ 9prof


Read More>>
InstaForex
 
Related Posts with Thumbnails