Archives

5

Daily Analysis วิเคราะห์กราฟประจำวัน(มกราคม 2554)

9Professionaltrader วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554
บทวิเคราะห์กราฟของอียู ประจำวันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2554 เวลา 16.29 น
วันนี้กราฟลงมาทดสอบ Low ในช่วงเช้าและราคาเด้งกลับขึ้นมาอีกครั้ง เป้าหมายด้านบนคือ  1.3640 ซึ่งเป็นตำแหน่ง Fibonacci 61.8 % และ EMA 50 ที่กราฟ 1 ชั่วโมง โดยถ้าราคาผ่านได้ มันจะขึ้นไปทดสอบ High 1.3750 อีกครั้ง
มุมมองส่วนตัว คิดว่าขึ้นมาปรับฐานแล้วลงต่อ ตำแหน่งปรับฐานจะอยู่ที่ Fibo 61.8-38.2 หรืออาจจะเลยไปนิดนึง จากนั้นจะร่วงต่อ มาคอยดูกันครับ ว่ากราฟจะเป็นไงต่อไป


แนวโน้มประจำสัปดาห์ ประวันวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม 2554 เวลา 16.27 น
แนวโน้มของอียูประจำสัปดาห์นี้ มุมมองส่วนตัวของผม คิดว่ายังอยู่ในช่วงการพักตัวของกราฟใหญ่ๆ ราคาจะสวิงระหว่าง 1.34-1.37 อยู่ในช่วงนี้ และสัปดาห์แรกกราฟยังไม่มีทิศทางที่แน่นอน โดยส่วนใหญ่ จะไซด์เวย์ แต่วันศุกร์มีข่าวนอนฟามของอเมริกา กราฟน่าจะมีความผันผวนสูงในช่วงนั้น
แนวโน้มของอียู 4 H
เมื่อวันศุกร์ ราคาได้ขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดอีกครั้ง แต่ไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ ประกอบกับเป็นศุกร์สุดท้ายของเดือน นักลงทุนคงจะเทขายทำกำไรก่อนตลาดปิด จึงทำให้ราคาร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งก็เป็นผลดีกับพวกเราชาว Sell คงยิ้มหน้านบานกันถ้วนหน้า โดยราคาหล่นมาเตะระดับ 1.3580 แล้วปรับตัวขึ้นไปเล็กน้อยก่อนตลาดปิด
เรามาดูกันครับว่ากราฟจะไปทางไหนต่อ

ตอนนี้กราฟเด้งตรง ema 50 ถ้าราคากลับมาทดสอบแล้วสามารถผ่าน ema 50 นี้ได้ เป้าหมายแรกของราคาคือ 1.3540 และถ้ายังลงแบบต่อเนื่อง จะไปที่ 1.3419 ซึ่งเป็นตำแหน่งปรับฐานตาม Fibonacci 161.8 % เจอกันใหม่วันจันทร์ครับ
------------------------------------------------------------------------
วันหยุดสุดสัปดาห์ สำหรับพวกเราชาวฟอเร็กซ์  ไปพักผ่อน หย่อนใจ  กันบ้างนะครับ หลังจากเครียดๆ กันมาทั้งอาทิตย์ เด๋วสร่างๆ ก่อนครับ จะมาวิเคราะห์แนวโน้มประจำสัปดาห์ให้ จัดหนักไปหน่อยครับเมื่อคืน ^_^

บทวิเคราะห์ของอียูประจำวันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2554 เวลา 09.04 น
วันนี้ เน้นขาลงนะครับ รอชอทอย่างเดียว เก็บสั้นๆในช่วงนี้ดีที่สุด แต่วันนี้วันศุกร์ สุดท้ายของเดือน กราฟอาจจะลากยาวก็ได้ ขอให้โชคดีนะครับ

บทวิเคราะห์ของอียูประจำวันพุธที่ 26 มกราคม 2554 เวลา 12.17 น
เมื่อวานนี้อียูวิ่งได้บ้ามากๆ มันทำผมโดน Stop loss ไปสองรอบ รอบแรกช่วงเที่ยง เห็นกราฟลง เราก็กด Sell ตาม บวกได้ไม่ถึง สามนาที เด้งชน SL ผมทันที พอเห็นกราฟขึ้นผม Buy ตามอีก ก็บวกได้แปบเดียวเช่นเดียวกัน เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง ราคาก็ลงมาชน SL อีก เสียสองรอบไปละ ... เหนื่อย.. หยุดดูมันพักหนึ่ง แล้วก็อัด Sell ลงมา 2 ออเดอร์ คราวนี้เป็นทีของเราบ้าง .. ได้แค่ทุนคืนครับ บวกกำไร +10 pip .. นี่แหระครับ ที่เค้าเรียกว่าเทรดผิดจังหวะ ผิดเวลา ..และก็ผิดทาง ถ้ารอจังหวะหน่อย ก็คงได้เยอะกว่านี้
กราฟในช่วงนี้วิ่งหนัก ช่วงกลางคืน ส่วนใหญ่จะวิ่งตามแนวโน้มเดิมในตลาดนิวยอร์ก ซึ่งก็มีเพื่อนๆมาถามผมว่ามันขึ้นเพราะอะไร ผมก็เจือกตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้ติดตามข่าวอะไรเลย ขึ้นลง 100 จุด แปบเดียว ... มาดูกราฟวันนี้กันครับ
ตื่นเช้ามา เห็นกราฟไปอยู่ที่บริเวณNew High แล้ว มองแบบผิวเผิน น่าจะเป็นรูปแบบ Rising wedge รูปแบบของลิ่มขาขึ้น เราจะเห็นว่ากราฟพยายามทำ นิวไฮขึ้นเรื่อยๆ แต่ในทางกลับกันMACD ของผม ลดระดับลงเรื่อยๆ ไม่แน่นะครับ กราฟอาจจะกลับตัวลงในไม่ช้านี้

.

คำแนะนำของผมวันนี้ครับ ถ้าจะเซล ออเดอร์แรกให้รอราคาอยู่ใต้ราคาเปิดของวันก่อน ค่อยเปิดออเดอร์แรก จากนั้นถ้าราคามันลงมาตามที่เราวิเคราะห์แล้ว แล้วมันสามารถทะลุผ่าน Pivot ได้ ให้เปิดออเดอร์เพิ่มอีกนะครับ เป้าหมายอยู่ที่ EMA 50 ถ้าผ่าน EMA 50 ได้ เปิดออเดอร์เพิ่มอีกครับ แล้วตั้งทาเก็ตที่ Low เมื่อวานนี้ ... ขอให้ร่ำรวยครับ
ขาขึ้นไม่วิเคราะห์นะครับ
................................
บทวิเคราะห์ของอียูวันที่ 25 มกราคม 2554 เวลา 13.33 น
เมื่อวานนี้อียูได้ลงมาหยุดที่ EMA 50 ที่กราฟ 1 ชั่วโมง จากนั้นก็ปรับตัวขึ้นต่อจนไปแตะราคา 1.3684


ในช่วงเช้า กราฟได้ลงมาทดสอบ แถวๆ  Pivot 1.3622 และได้ขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุด1.3684 อีกครั้ง แต่ไม่สามารถผ่านได้ มุมมองส่วนตัวของผมในวันนี้ มองว่า กราฟต้องลงมาพักตัวก่อน โดยเป้าหมายแรกอยู่ที่ Pivot 1.3622 และ เป้าหมายที่สองคือ EMA 50 ถ้าราคาสามารถผ่าน EMA ลงมาได้ มันจะไปที่ จุดต่ำสุดของเมื่อวานนี้อีกครั้งที่ราคา 1.3550 ตามลำดับ
ดูจาก MACD เกิด Divergence คือ ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดเก่า แต่ในทางตรงกันข้าม MACD สร้างสุดสูงสุดใหม่ ที่ต่ำกว่าอันเก่า แต่ต้องรอสัญญาณลงที่ชัดเจนจากการเกิด Convergence , Convergence กับ Divergence ผมได้อธิบายไว้แล้วนะครับ สามารถอ่านได้ที่หัวข้อนี้
Divergence Tradings
ราคาเปิดอยู่ที่ 1.3643 ลุ้นให้ราคาทะลุผ่านนะครับ จะได้ Short (Sell)สบายหน่อย
--------------------------------------------------------------------------------
บทวิเคราะห์ของอียูวันนี้ 24 มกราคม 2554 เวลา 18.46 น

หลังจากที่ช่วงเช้าอียูได้ขึ้นไปแตะระดับ 1.3645 และได้ร่วงลงมาปรับฐาน โดยวันนี้มีราคาเปิดของวันอยู่ที่ 1.3618 และช่วงสายๆวันนี้ ราคาได้ขึ้นไปทดสอบอีกครั้งแต่ไม่สามารถผ่านได้ จากระบบเทรดของผมที่บอกว่า ถ้าราคาไม่สามารถผ่าน ราคาเปิดของวันขึ้นไปได้ และราคาปัจจุบันอยู่ใต้ราคาเปิด นั่นหมายความว่า ราคาจะอยู่ในแนวโน้มขาลง>>> ระบบเทรดของผม



จากกราฟ 1 ชั่วโมง ตอนนี้อียูมาหยุดอยู่ที่ EMA 50 ซึ่งถ้าไม่ผ่าน ราคาจะกลับมาทดสอบ High ของวันนี้อีกครั้ง ถ้าผ่าน High 1.3645  ได้ เป้าหมายต่อไปคือ 1.37-1.38
และในขณะเดียวกัน ถ้าราคาสามารถทะลุเส้น Ema ลงได้ ก็จะไปที่ 1.3505 และ 1.3450  ตามลำดับ


บทวิเคราะห์ประจำวันเสาร์ที่ 22 มกราคม 2554 สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว 9prof ทุกคน หลังจากที่ไม่ได้วิเคราะห์กราฟเป็นเวลานาน เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลาครับ  วันนี้จะกลับมาวิเคราะห์ให้ทุกคนได้อ่านกันอีกครั้ง โดยเริ่มจากกราฟวันของอียู EUR/USD
EUR/USD D1


เป้าหมายของอียูมองตามแนวโน้มของวันจะอยู่ที่ 1.3743 และ 1.37855 ซึ่งเป็นแนวต้านจาก Fibonacci และ แนวต้านจากสุดสูงสุดในอดีตที่เคยสร้างไว้

EUR/USD H4
จากแนวโน้มสี่ชั่วโมงของกราฟอียู ดังรูปด้านล่าง

ราคาได้ทำรูปแบบลิ่มขาขึ้น (Rising Wedge) และได้ทะลุแนวต้านขึ้นไป โดยเป้าหมายวัดจาก fibonacci 0 % = 1.27678   and 100 % = 1.34311 จะมีระดับ Fibonacci ที่ 161.8 % = 1.37792
ซึ่งเป็นเป้าหมายของอียูในตอนนี้
ดูจาก Macd  Histogram Bar ของ Macd มีแนวโน้มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

EUR/USD H1



แนวโน้มของอียู จากกราฟสี่ชั่วโมง จากการวัด ฟีโบ้อย่างง่ายโดยวัดจาก High และLow เราจะเห็นว่า ราคาได้มาหยุดอยู่ที่ 161.8 % ในช่วงตลาดปิดพอดี ซึ่งตำแหน่งนี้ก็เป็นแนวต้านที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน โดยถ้าราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านนี้ได้ ราคาจะกลับลงไปทดสอบ Fibo 100 % , Low ของวันศุกร์ และ Fibo 61.8 % อีกครั้ง ตามลูกศร และในทางกลับกัน หากมีแกบ(gab) ราคาก็จะทะยานขึ้นไปด้านบนโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ Fibonacci 261.8 %

บวกๆกันถ้วนหน้านะครับ จะได้มีเหรียญมาขายกัน ^_^

Read More>>
3

กลโกงปั่นหุ้น

9Professionaltrader วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554


สวัสดีครับเพื่อนๆชาว 9professionaltrade วันนี้ได้อ่านบทความเกี่ยวกับ กลโกงปั่นหุ้น เรามาดูกันครับ ว่าพวกรายใหญ่ เค้ามีวิธีการปั่นหุ้น หรือที่เราเรียกว่า กลโกงปั่นหุ้น อย่างไร
ไม่ว่าจะเป็นหุ้นฝรั่งหรือหุ้นไทย มันก็ต้องไล่ราคาทั้งนั้นแหละ ไม่งั้นมันก็ไม่ขึ้นหรอก
แต่ ในที่นี้เราจะมุ่งเน้นไปที่หุ้นปั่นก็แล้วกันครับ เพราะหุ้นพวกนี้เป็นอันตรายมากกว่า ไม่มีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน เราจึงต้องรู้เท่าทันเป็นพิเศษ

เดี๋ยวเราตามไปดูพร้อมๆกันดีกว่า ว่าการปั่นหุ้นเขามีกระบวนการอย่างไร เพื่อจะได้ไม่ต้องกลายเป็น แมงเม่าบินเข้ากองไฟ ไม่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพในตลาดหุ้น
ก่อนกระบวนการไล่ราคาเกิดขึ้น กลุ่มปั่นหุ้นก็จะต้องทำการเลือกหุ้นก่อนครับ
ครั้น จะเลือกหุ้นที่มีกองทุนถืออยู่ก็คงไม่ดีแน่ เพราะไล่ๆราคาอยู่กองทุนอาจขายไม้ใหญ่ใส่มาก็ได้ ถ้าราคามันปรับตัวสูงไปกว่าปัจจัยพื้นฐานมาก

ข้อสำคัญอีกอย่าง คือ ต้องพูดคุยเจรจากับเจ้าของกิจการก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวเจอดี เพราะเจ้าของกิจการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มีหุ้นให้ขนออกมาขายได้ไม่อั้น ด้วยเหตุนี้ เราจึงมักจะเห็นความโยงใยของรายใหญ่ในกลุ่มหุ้นที่ร่วมขบวนการอยู่เสมอ หุ้นในกลุ่มเดียวกันเราก็จะเห็นชื่อกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้น ใหญ่ในเวลาไล่เลี่ยกัน แล้วจากไปพร้อมๆกันในเวลาไม่นานนัก แล้วกลุ่มนี้ก็จะเข้าไปสิงสถิตเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทอื่นต่อๆไป หรือไม่ก็ส่งคนของแต่ละบริษัทมาถือหุ้นไขว้ไปมาระหว่างบริษัทในกลุ่มก๊วนของ ตน

โดยมากกลุ่มทำราคาก็มักจะเลือกบริษัทที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ดี เพื่อจะได้ไม่ต้องไปชนกับกองทุนครับ รวมทั้งบริษัทนั้นต้องมีจำนวนหุ้นหมุนเวียนน้อย หรือที่เขาเรียกกันว่ามี Free Float ต่ำด้วย เพื่อที่จะสามารถควบคุมหุ้นได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และยิ่งราคาหุ้นต่ำก็จะยิ่งดี เพราะจะได้รู้สึกว่าถูกในทางจิตวิทยา ล่อคนมาติดกับดักได้ง่าย และยังทำกำไรได้สูงซะด้วย เช่น เงิน 10 ล้านบาท ซื้อหุ้นราคา 1 บาท ได้ 10 ล้านหุ้น เมื่อหุ้นขึ้นไปเพียง 1.50 บาท ก็สามารถทำเงินได้แล้วถึง 5 ล้านบาท ซึ่งหากนำเงิน 10 ล้านบาทนี้ ไปซื้อหุ้นบลูชิพราคา 100 บาท จะซื้อได้เพียง 1 แสนหุ้น และหุ้นต้องขึ้นไปถึง 150 บาท จึงจะได้กำไร 5 ล้านบาท

เมื่อได้หุ้น เป้าหมายแล้ว ก็ต้องหาบัญชีตัวแทนล่ะครับ เพื่อนพ้องน้องพี่ ลุงป้าน้าอา คนขับรถ คนสวน ที่เปิดบัญชีรอไว้หลากหลายโบรกเกอร์ จะถูกใช้ชื่อเป็นตัวแทนในการซื้อ ขาย รับโอนหุ้น ระหว่างกัน ยิ่งเดี๋ยวนี้ยิ่งซับซ้อนขึ้นเพื่อให้ยากในการตรวจสอบ กระจายไปมากกว่า 20 บัญชี ยังมีให้เห็นอยู่บ่อยเลยครับ

เมื่อทุกอย่างพร้อม คราวนี้ก็เริ่มทำการ เก็บ-กด หุ้นสิครับ
การ เก็บ-กด หุ้น เป็นจิตวิทยารายใหญ่รังแกรายย่อย โดยใช้วิธีการวาง offer หนาๆ ไม่ให้ใครกล้าเคาะซื้อขึ้นไป และกดดันให้คนที่มีหุ้นอยู่ รู้สึกว่า ราคาคงจะขึ้นต่อไม่ไหวแล้ว ขายหุ้นลงมาที่ฝั่ง bid ซึ่งกลุ่มทำราคาตั้งราคารอซื้ออยู่ วิธีนี้พบเห็นกันโดยทั่วไปครับ

แต่ สำหรับหุ้นในกลุ่ม เดอะซัน หรือ หุ้นในกลุ่ม เสี่ยลี หรือ หุ้นในกลุ่ม เสี่ยบี แล้ว โหดกว่านั้น ใช้วิธีการกดหุ้นด้วยวิธีซาดิสต์ หรือที่ในวงการชอบเรียกว่า “ทุบให้อ้วก” โดยให้พรรคพวกตั้ง bid ไว้ที่โบรกเกอร์หนึ่ง แล้วสั่งอีกโบรกเกอร์หนึ่งให้ขายโครมลงมาไม้ใหญ่ๆ เขย่าขวัญพวกเรา บล็อกราคา ดองราคาไม่ให้ไปไหน มีกด มีทุบ สักระยะหนึ่ง เดี๋ยวรายย่อยก็จะขายทิ้งลงมาให้เองครับ
ช่วงหลังนี้ เขาพัฒนาไปถึงขั้นใช้กราฟเทคนิคเข้าช่วย ทำเหมือนๆจะไป ไล่ซื้อหุ้นให้ราคาวิ่งขึ้นไปถึงแนวต้าน ซื้อรวดเดียวแบบกวาดมาจนเกลี้ยง แล้วทิ้งโครมลงมาในลักษณะ “ทุบให้อ้วก” จนเกิด Sell signal เพื่อสั่งลา ว่าหุ้นตัวนี้ไปไม่รอดแล้ว จากนั้นก็ปล่อยให้มวลชนทั้งหลายที่หลงซื้อหุ้นนั้นเข้าไป เซ็งกันไปเอง ขายขาดทุนบ้าง ขายเท่าทุนบ้าง ส่วนกลุ่มทำราคาก็ย้ายไปเล่นตัวอื่นพลางๆก่อน เพื่อให้มวลชนที่ถือหุ้นนี้อยู่ เกิดอาการสิ้นหวังกันถ้วนหน้า
กระบวนการ เก็บ-กด และ ทุบให้อ้วก นี้ อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ หรือ เป็นเดือนเลยล่ะครับ เพื่อเรียกของคืนมาจนกว่าจะครบตามที่ต้องการ

ใน ช่วงของการกด-เก็บหุ้น ปริมาณการซื้อขายจะมากขึ้นผิดสังเกตครับ มีซื้อๆขายๆ แต่ราคาไม่ขยับ หรือ ขยับก็ขยับไม่มาก หรือ บางครั้งขยับลงอีกต่างหาก เพื่อกดดันให้ผู้มีหุ้นอยู่รู้สึกว่า แรงขายมีเยอะจัง ราคาไม่ไปไหนเลย แล้วขายหุ้นทิ้งลงมา

เมื่อได้หุ้นครบแล้ว เขาจะนั่งรอเวลาระยะหนึ่ง เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตครับ แล้วจึงค่อยไล่ราคาขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ในระหว่างที่ไล่ราคาขึ้น ก็จะมีการเชิญนักวิเคราะห์ไปเยี่ยมชมกิจการ หรือ ออกข่าวดี เรื่องรายได้ พันธมิตร หรือ อาจจะเลยเถิดไปถึงขนาดปล่อยข่าวลือต่างๆนานาไปเลยด้วยซ้ำ เพื่อให้มวลชนเชื่อว่าหุ้นกำลังจะมีแนวโน้มที่ดี

แล้วจะทำยังไงล่ะ ครับ เพื่อจะเพิ่มน้ำหนักให้กับข่าวดีนั้น ก็ต้องไล่ราคาโชว์ซิครับ ด้วยการเคาะซื้อครั้งละมากๆ รวบทีละ 2-3 แถว แบบเว่อร์ๆหน่อย ก็กินรวบไม่แบ่งใครเลย 5-6 แถวก็มี
คราวนี้ความมั่นใจก็มา การแย่งกันซื้อแบบไม่เกี่ยงราคาก็เกิดขึ้น

ถ้า หุ้นนั้นพื้นฐานแย่หน่อย หรือ กลุ่มทำราคากลุ่มเล็ก เกมส์ก็มักจะจบไวครับ แต่บางกรณีที่กลุ่มทำราคาเป็นกลุ่มใหญ่ การลากราคานั้นอาจจะยาวนาน เพื่อให้ราคาขึ้นไปสุดโต่งเท่าที่จะเป็นไปได้
กลวิธีระหว่างไล่ราคานี้ ก็น่าเกลียดพอประมาณครับ ตั้งขายไว้ที่โบรกเกอร์หนึ่ง แล้วก็สั่งอีกโบรกเกอร์หนึ่งให้เคาะซื้อเอง เมื่อซื้อได้แล้วก็จะสั่งโบรกเกอร์ให้ตั้งขายในราคาที่สูงขึ้น แล้วก็สั่งอีกโบรกเกอร์หนึ่งให้เคาะซื้อตาม

ตลาดหลักทรัพย์ตรวจได้ ไม่ยากครับ ถ้าอยากจะตรวจจริงจัง ใครที่ซื้อแพงแล้วขายถูก แล้วก็ไปไล่ซื้อที่แพงกว่า แล้วก็ขายถูกอีกครั้งแล้วครั้งเล่า และซื้อขายทีไม้ใหญ่ๆ ก็นั่นแหละ แก๊งค์ปั่นหุ้น
เมื่อหุ้นขึ้นมาใกล้ ราคาเป้าหมายแล้ว ไม่รู้เป็นไง สื่อและหนังสือพิมพ์ มักจะออกมาเชียร์เรื่อย ช่วงนี้แหละครับที่รายใหญ่จะเริ่มทยอยขายหุ้น

แต่เนื่องจากหุ้นมันมีเยอะนะครับ ขายลำบาก ก็ต้องเรียกแขกเข้ามาร่วมแจม
วิธี เรียกแขก ก็จะใช้วิธีเดิมครับ เคาะซื้อของตัวเองที่ตั้งขายไว้ที่อีกโบรกเกอร์หนึ่งอย่างรวดเร็วและรุนแรง หลายๆระดับราคา มีโชว์เคาะซื้อเคาะขายสลับไปมา ครั้งละหลายแสนหลายล้านหุ้น เพื่อให้ดูคึกคักเป็นที่สนใจของมวลชน เมื่อมวลชนเห็นว่าหุ้นตัวนี้ วิ่งดี น่าจะทำกำไรได้งาม ก็จะแห่เข้ามาเคาะซื้อสนุกสนานพร้อมความหวังรวยเร็ว

ตรง นี้แหละครับที่รายใหญ่จะเริ่มตั้งขายที่ฝั่ง offer ในแต่ละช่วงราคา พร้อมๆกับตั้ง bid หนาๆ เพื่อจูงใจให้รายย่อยเคาะซื้อเนื่องจากเห็นว่า ขืนตั้งรอซื้อจะไม่ได้ของ

ระหว่างนี้อาจมีเคาะซื้อนำไม้เล็กๆ ต่อเนื่องกัน เพื่อจูงใจให้รายย่อยแห่เคาะซื้อตาม เมื่อหุ้นที่ตั้งขายใกล้หมด รายใหญ่จะขนหุ้นมาเติมขาย และอาจมีเคาะซื้อหุ้นที่ตัวเองวางขายไว้ที่โบรกเกอร์อื่นสลับเป็นระยะด้วย ครับ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าหุ้นนั้นยังมีแรงซื้อมากอยู่

แต่พอซื้อ เสร็จ ก็ขนหุ้นที่เพิ่งซื้อนะแหละ มาวางขายอีกที่ฝั่ง offer อีก หลังจากนั้นไม่นาน หุ้นก็จะถูกเปลี่ยนมือไปอย่างเงียบๆ มวลชนก็จะเริ่มครอบครองหุ้นเกือบทั้งหมดของรายใหญ่ในเวลาต่อมา

ส่วน รายย่อยที่ยังไม่เคาะซื้อก็จะตั้ง bid รอ ใช่ไหมครับ พอรายย่อย bid รอ รายใหญ่ก็จะค่อยๆถอน bid ออก แล้วตั้งซื้อใหม่เพื่อดันให้รายย่อยได้คิวซื้อก่อน
เมื่อ bid ที่เหลืออยู่ มีแต่คำสั่งซื้อของรายย่อยที่หนาแน่นพอแล้ว รายใหญ่ก็จะเทขายลงมา และขายต่อเนื่องลงมาเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดพอร์ต

ขอ ย้ำอีกครั้งนะครับ ว่าบทนี้เป็นการเปิดโปงเพื่อให้รู้ทันเกมปั่นหุ้น ไม่ได้สนับสนุนการผิดศีลทำบาป ไม่ได้สนับสนุนการลักทรัพย์ ไม่ได้สนับสนุนการมุสาฯ แต่ประการใด แต่ต้องการสื่อให้เห็นไม่เผลอไปเล่นในเกมของเขา เพื่อเราจะได้ไม่หลงทางไปเป็นเหยื่อ
มาถึงตรงนี้ ก็อดที่จะพูดถึง การไล่ราคาวอแร้นท์และการซ่อนออร์เดอร์ไม่ได้

การไล่ราคาวอแร้นท์ก่อนแล้วกันครับ
หุ้นเก็งกำไรหลายๆตัว ก็มีวอแร้นท์ และหลายๆครั้งที่คนทำราคาจะเอาหุ้นตัวแม่และวอแร้นท์ขึ้นมาอย่างช้าๆ โดยไม่ให้ใครได้ทันสังเกตเห็น
เมื่อสะสมหุ้นและวอแร้นท์ได้มากพอ ก็จะลากวอแร้นท์ขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เพราะราคาถูกกว่า ใช้เงินน้อยกว่า
เมื่อ ลากวอแร้นท์ขึ้นไปได้ระยะหนึ่ง ก็จะลากหุ้นแม่ขึ้นไป พร้อมๆกับวางขายวอแร้นท์ เพราะนักเก็งกำไรส่วนใหญ่ เมื่อเห็นหุ้นแม่ขึ้น ก็เชื่อว่าวอแร้นท์จะขึ้นตาม แต่หารู้ไม่ว่าเขาวางขายวอแร้นท์กัน

เปิดโปงเรื่องการซ่อนออร์เดอร์หน่อย
ซื้อแล้วลง ขายแล้วขึ้น เป็นเรื่องปกติที่ผิดพลาดกันได้ครับ แต่ความผิดพลาดนั้น สามารถทำให้ลดน้อยลงไปได้ด้วยความช่างสังเกตครับ
การ ตั้งซ่อนออร์เดอร์เพื่อหลอกซื้อของ มักจะใช้ในช่วงที่ราคาอยู่ที่แนวรับ จะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่พอดี ซึ่งตรงจุดนี้ ผู้ที่มีต้นทุนต่ำมักจะยอมขายทิ้งลงมา ก่อนที่ราคาจะหลุดแนวรับลงไป หรือไม่ก็มักจะใช้ในช่วงที่ราคาอยู่ที่แนวต้านพอดี ให้เราลุ้นเล่นว่าจะ Breakout ผ่านขึ้นไปได้หรือไม่ พอเราเห็นว่ามันคงไปไม่ไหวแล้ว เราก็จะขายลงมา จากนั้นไม่นานเขาก็จะลากผ่านแนวต้านขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ใครกล้าตาม

เราไปดูการเล่นกับจิตวิทยามวลชนด้วยวิธี Partial Publish กันครับ
หากราย ใหญ่ต้องการให้มวลชนขายลงมา เขาก็จะขนหุ้นมาวางขายที่ฝั่ง Offer หนาๆ แล้วตั้ง bid น้อยๆให้เราหวาดเสียวเล่น หรือไม่ก็ใช้ กลวิธี “ทุบให้อ๊วก” ตามแต่ความซาดิสต์ที่มีในจิตใจ
แต่เมื่อราคาไหลหรือดิ่งลงไป ณ ระดับราคาหนึ่งแล้ว รายใหญ่เหล่านั้นก็จะสั่งตั้งซื้อแบบซ่อนออร์เดอร์ ที่ฝั่ง bid ด้วยการตั้งซื้อหุ้นจำนวนมาก แต่ใช้คำสั่ง partial publish ทีละน้อยๆ เช่น สั่ง bid ซื้อหุ้นช่องละ 1 ล้านหุ้น แต่ให้เห็นทีละ 40,000 หุ้น
แหม พอเราเห็นฝั่ง offer หนาๆ ขนาดหลายล้านหุ้นขวางอยู่ ขณะที่ bid เหลือแค่ 40,000 หุ้น เราก็รีบขายซิครับ ก่อนที่ราคานั้นจะมีคนชิงขายลงมาก่อน แต่มันก็น่าแปลก พอเราขายลงมา 40,000 หุ้น มันก็โผล่ขึ้นมาอัตโนมัติที่ฝั่ง bid อีก 40,000 หุ้น พอเราขายอีก 40,000 หุ้น มันก็โผล่เข้ามาอีก 40,000 หุ้น พอเราขายอีก 80,000 หุ้น มันก็โผล่เข้ามาอีก 40,000 หุ้น 2 ครั้ง ติดกัน พอเราหยุดขาย มันก็ยังคงรอเราที่ฝั่ง bid อีก 40,000 หุ้น แบบไม่สะทกสะท้านแรงขาย
คำ ถามคือ หากเป็นท่านเอง ท่านต้องการจะขายหุ้น 2-3 ล้านหุ้น ท่านจะเอามาวางโชว์ที่ฝั่ง offer ไหมครับ ถ้าท่านแสดงให้คนอื่นเห็นว่าท่านอยากขาย 2-3 ล้านหุ้น แล้วใครจะไปเคาะซื้อล่ะครับ
และใครกันหนอจะรับซื้อที่ฝั่ง bid ได้ไม่อั้นขนาดนั้น ใครขายมาเท่าไหร่ รับซื้อหมดเลย แสดงว่าคนที่รับซื้อไม่อั้นคนนั้น เขาต้องมั่นใจสูงเลยใช่ไหมครับว่าราคาจะวิ่งแน่ เพราะถ้าเป็นคนปกติ เขาไม่ซื้อหรอก ถ้าแรงขายยังขายทิ้งลงมาเรื่อยๆ
ถ้าท่านเห็นแบบนี้ ต้องหยุดขาย หรือ หาจังหวะซื้อคืนแล้วนะครับ พลาดแล้วล่ะ เขากำลังตั้งโต๊ะซื้อของอยู่ และเมื่อไม่มีใครขายลงมาให้แล้ว อีกไม่นาน เขาจะกวาดรวบขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
พอวิธีนี้เริ่มมีคนสังเกตเห็น รายใหญ่เลยพัฒนาวิธีใหม่ ด้วยการย้าย partial publish มาที่ฝั่ง offer แทน พร้อมๆกับ ทยอยตั้งรับ ที่ฝั่ง bid ด้วย จากนั้นก็เคาะซื้อของตัวเองไปเรื่อยๆ ที่ฝั่ง offer เพื่อให้ใครๆเห็นว่า นี่เป็น partial publish นะ มีออร์เดอร์ซ่อนขายที่ฝั่ง offer นะ น่ากลัวนะ
พอ เขาเคาะซื้อ 100,000 หุ้น โห partial publish ไหลมาให้เห็น 20 รายการๆละ 5,000 หุ้น เลยแหะ อีกสักพัก เขาก็เคาะซื้ออีก 200,000 หุ้น partial publish ก็จะโชว์ให้เห็นมา 40 รายการๆละ 5,000 หุ้น ว่าไง ว่าไง กลัวไหม มีออร์เดอร์ซ่อนขายอยู่นะ
พอเราเห็นว่า เคาะซื้อฝั่ง offer เท่าไหร่ก็ไม่หมดซะที แถมซ่อนออร์เดอร์ซะด้วย ด้วยความรู้เท่าทัน เราก็จะขายโครมลงมาที่ฝั่ง bid แหะๆๆ เสร็จเขาเลยล่ะครับ เขาได้ของไปแล้ว พอฝั่ง bid จะหมด เขาก็เติม bid อีก ขายมาเท่าไหร่ ฝั่ง bid ก็ไม่หมดซะที ไอ้ที่เราขายไปแล้ว นั่งรอทั้งวัน ยังไม่ได้ซื้อคืนเลย
คำถามคือ หากเป็นท่านเอง ท่านต้องการจะซื้อหุ้นจำนวนมาก ท่านเห็นว่าฝั่ง offer หนาขนาดนั้น เคาะไม่ผ่านสักที ท่านจำเป็นจะต้องรีบตั้ง bid มาจ่อแบบนี้ไหมครับ ทำไมฝั่ง offer ไมผ่าน แต่ฝั่ง bid ก็ไม่หลุดล่ะ ถ้าไม่มีคนตั้งโต๊ะรอซื้อไม่อั้นที่ฝั่ง bid
แต่ถ้า Offer ไม่ผ่าน ฝั่ง bid ก็ไหลรูด ตัวใครตัวมันล่ะกันนะครับ
น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวางนะครับ

ขอขอบคุณที่มานะครับ เกรียนโครต จาก Thaiforexschool.com
และข้อมูลจากห้องสินธร Pantip.com

หวังว่าบทความนี้คงมีประโยชน์กับพวกเราชาว 9Prof นะครับ ตลาดฟอเร็กซ์ ก็คงมีกลโกงแบบนี้เช่นกัน สำหรับพวกเราแมงเม่าบินเข้ากองไฟได้ แต่อย่าบ่อยนะครับ เด๋วหมดพอร์ต อิอิ

วันนี้แนะนำหนังสือเรื่องนึงครับ
ชื่อหนังสือ ร้อยเล่ห์กลโกงเจ้ามือหุ้น
แต่งโดย คุณสุนันท์ ศรีจันทรา
สำนักพิมพ์ นิวส์ โกลบอล มีเดีย

เป็นหนังสือที่เผยสารพัดเรื่องราวและเทคนิคในการหลอกล่อกินเงินนักเล่นหุ้นรายย่อยที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มตั้งตลาดหลักทรัพย์ใหม่ๆ จนถึงปัจจุบัน ถ่ายทอดจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนที่ทำงานสายข่าวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมากว่า 20 ปี หลายกรณีศึกษาจะช่วยเปิดมุมมองของคุณให้กว้างขึ้นและช่วยให้รู้เท่าทันเกมหลอกต้มในตลาดหุ้นได้เป็นอย่าง
Read More>>
4

ระบบเทรดของผม

9Professionaltrader วันเสาร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2554
ระบบเทรดของผม เป็นระบบเทรดง่ายๆครับ ไม่มีอะไรซับซ้อน มีเพียง Indicator แค่ 5 ตัวเท่านั้น คือ
1. SDX-TZPIVOTS อินดิเคเตอร์ตัวนี้จะบอกแนวรับและแนวต้าน โดยมีตัวย่อ ดังนี้
  S=Support = แนวรับ เช่น S1= Support 1 = แนวรับที่ 1
  R=Resistance= แนวต้าน เช่น R1 = Resistance 1 = แนวต้านที่ 1
  MS= Middle Support , หรือ Minor Support = แนวรับย่อยระหว่าง S1 และ S2 หรือ แนวถ้าเป็น MS1  ก็จะเป็นแนวรับย่อยระหว่าง แนวรับที่ 2 และแนวรับที่ 3
  MR = Minor Resistance = แนวต้านย่อยระหว่าง R1 , R2 หรือ R2,R3
2.Stratman_Minichart_v12 อินดิเคเตอร์ตัวนี้จะเป็น Multiple Timeframe เอาไว้ดูกราฟหลายๆช่วงเวลาบนหน้าต่างเดียว เพื่อสะดวกในการดูกราฟ ผมจะใช้อินดดิเคเตอร์ตัวนี้ไว้ดูลักษณะการปิดของแท่งเทียน และดูรูปแบบของกราฟ Chart Pattern
3.Daily_Open_Line อินดิเคเตอร์ตัวนี้ผมจะใส่ไว้เพื่อดูราคาเปิดของวัน และใช้ราคาเปิดนั้นเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจเทรด ถ้าราคาปัจจุบันอยู่เหนือเส้นราคาเปิด จะเป็นแนวโน้มขึ้น   แต่ถ้าราคาอยู่ใต้ราคาเปิดของวัน ราคากำลังอยู่ในช่วงแนวโน้มขาลง
4.EMA 50 , Moving Average ประเภท Exponential  ค่า 50 วัน  คือเส้นค่าเฉลี่ยซึ่งผมจะใช้เพื่อบอกว่า ราคาในขณะนั้นกำลังอยู่ในช่วงใด  ถ้าราคาอยู่เหนือเส้น EMA 50 ราคากำลังจะอยู่ในช่วงขาขึ้น Bullish Zone แต่ถ้าราคาอยู่ใต้เส้น EMA 50 ราคากำลังจะอยู่ในช่วงขาลง Bearish Zone
5. MACD พระเอกของผม อินดิเคเตอร์ตัวนี้ใช้บอกหลายอย่าง แต่ที่ผมใช้หลักๆก็มี เอาไว้ดู Divergence , Convergence และใช้เส้น Zero Line เพื่อบอก ตลาดหมี ( Bearish Market ) และสภาวะตลาดกระทิง (Bullish Market)

ดาวโหลด Indicators ทั้งหมดที่ thaiforexschool นะครับ ดาวโหลดได้ที่ลิ้งนี้ http://thaiforexschool.com/index.php?topic=232.msg1306;topicseen#msg1306
มีเพียงแค่นี้ครับ มาดูตัวอย่างกันเลย
ระบบเทรดของผม คลิกที่ภาพด้านบน เพื่อดูภาพขนาดใหญ่

ระบบเทรดนี้ผมจะดูที่ช่วงเวลา 30 นาที TF 30M ใช้ได้กับทุกค่าเงิน
Buy เมื่อ
1. ราคาอยู่เหนือ EMA 50
2. MACD Bar อยู่เหนือเส้น Zero Line หรืออยู่ในแดนบวก Bullish Zone
3. ถ้าราคาอยู่ในเงื่อนไขของข้อ 1 และข้อ 2 แล้ว ราคายังยืนอยู่เหนือ ราคาเปิด และ Pivot หรือ R1 นั่นคือ ราคากำลังจะเป็นแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน
4. ตัดสินใจวางออเดอร์ได้ทันที โดย Stop Loss ไว้ที่ Low ล่าสุด -10 pips

Sell เมื่อ : ทุกอย่างตรงข้ามกับเงื่อนไขของ Buy
1. ราคาอยู่ใต้ EMA 50
2.MACD Bar อยู่ใต้เส้น Zero Line หรืออยู่ในแดนลบ Bearish Zone
3.ถ้าราคาอยู่ในภายใต้เงื่อนไข ข้อที่ 1 และ 2 แล้วราคายังอยู่ใต้ล่างราคาเปิด และ Pivot หรืออยู่ใต้ S1 นั่นหมายความว่า ราคากำลังจะเป็นแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน
4. ตัดสินใจวางออเดอร์ทันที โดย Stop Loss ไว้ที่ High ล่าสุด + 10 pips

ขอให้ทุกท่านโชคดี มีเหรียญมาขายเยอะๆนะครับ


Read More>>
InstaForex
 
Related Posts with Thumbnails